Digital Bank สู่ Digital Lending ตอบโจทย์ SMEs ไทยหรือไม่? (จบ)

Digital Bank สู่ Digital Lending ตอบโจทย์ SMEs ไทยหรือไม่? (จบ)

ถึงแม้ "ธุรกิจการเงิน" จะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ถ้านำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อช่วยเหลือ SMEs ได้ก็จะทำให้ SMEs ได้รับการช่วยเหลืออย่างตรงจุดมากกว่าทุกวันนี้

Digital Lending หรือ การปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ สถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงินได้เข้ามาให้บริการเงินกู้สินเชื่อบุคคลดิจิทัล ซึ่งเป็นใบอนุญาตรูปแบบใหม่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดให้อนุญาตในปี 2564 เป็นการปล่อยกู้เป็นบริการเงินกู้ดิจิทัลที่เรียกว่า “สินเชื่อส่วนบุคคดิจิทัล” (Digital PersonlLoan)

เริ่มแรกให้บริการวงเงินกู้ขนาดเล็กวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 25% ต่อปี ผ่อนชำระคืนภายใน 6 เดือน และล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้เพิ่มเพดานวงเงินกู้ต่อรายเป็นวงเงินไม่เกิน 40,000 บาท ผ่อนชำระคืนภายในระยะเวลา 12 เดือน (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2565) 

จากการปล่อยสินเชื่อของบริษัทแอสเซนด์ นาโน จำกัด บริษัทในกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.)และบริษัท ซีมันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด เริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ เดือน ก.พ.-มี.ค.ที่ผ่านมาได้ให้สินเชื่อไปแล้วประมาณ 250,000 ราย วงเงินสินเชื่อประมาณ 2,400 ล้านบาท วงเงินเฉลี่ยต่อรายประมาณ 3,000-4000 บาท โดยแอสเซนด์ นาโน พิจารณาลูกค้าจากลูกค้ากลุ่มทรูที่มีบัตรทรูการ์ด ให้วงเงินกู้ไม่เกิน 4 เท่าของรอบบิลทรูรายเดือน วงเงินไม่กิน 10,000 บาท ผ่อนชำระภายใน 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปี และยังมีบริการสินเชื่อสำหรับซื้ออุปกรณ์สื่อสาร (Device Loan)ผ่อนสูงสุด 36 เดือน และบริการ Micro Credit)ลูกค้าทรูที่ถือบัตรทรูการ์ด และบริการวงเงินพร้อมใช้ (pay next)

นอกจากนี้ยังมีธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินอีกหลายแห่งเข้ามาแข่งขันในตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า 36 ล้านคน อัตราดอกเบี้ยที่ 25% การให้บริการสินเชื่อจะใช้ฐานข้อมูลจากลูกค้าของพันธมิตรที่ใช้บริการเป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติ บางสถาบันการเงินมีแพลตฟอร์ม AI วิเคราะห์ลูกค้าเพื่อป้องกันหนี้เสีย เนื่องจากพึ่งจะเริ่มปล่อยกู้ไม่นาน จึงยังอยู่ในระหว่างการประเมินคุณภาพของสินเชื่อ 

เมื่อพิจารณาลูกค้าเป้าหมาย 36 ล้านคน มีประมาณ 28 ล้านคน ที่ประกอบอาชีพอิสระ มีบางรายเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ต้องอาศัยเงินกู้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงมาก การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 25 % ก็อาจช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้ แต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ SMEs สามารถเข้าถึง Digital Lending ข้อมูลผู้ประกอบการ SMEs จะผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือไม่

จากการระบาดของไวรัสโควิด 19 หนี้ครัวเรือนของไทยมีการปรับตัวสูงมาก เพิ่มจาก 80% ของ GDP ณ สิ้นปี 2562 เป็น 90.5% ของ GDP ณ ไตรมาส 1/2564 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี คาดการณ์ว่าหนี้ครัวเรือนของไทยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93% ณ สิ้นปี 2564 สัดส่วนหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 47% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด อาทิ หนี้บ้านและรถยนต์ สัดส่วนหนี้ที่ไ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 35% อาทิ หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มีเพียง 18% เท่านั้น ที่เป็นหนี้รายย่อยเพื่อธุรกิจครัวเรือน 

ผมจึงเป็นห่วงว่า Digital Lending จะทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นไม่ได้ช่วย SMEs ที่ต้องการสินเชื่อได้ SMEs จะต้องให้บริการแบบ Face to Face ต้องให้คำปรึกษาและพัฒนา ติดตามการใช้วงเงินอย่างใกล้ชิด ทุกวันนี้สถาบันการเงินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต้องสนองความต้องการของผู้ถือหุ้นที่จะต้องแสวงหากำไรสูงสุด จึงเลือกให้สินเชื่อกับ SMEs ที่ดีมีความเสี่ยงน้อยที่สุด การช่วยเหลือ SMEs จึงต้องหาเครื่องมือที่เหมาะสมกับโครงสร้างของ SMEs ไทย

ผมได้อ่าน แนวทางการบริหารจัดการสินเชื่ออย่างเป็นธรรม ตามหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามหนังสือ ที่ ธปท.ฝคง.ว 951/2564 ลว 4 ตค 2564 ที่มีถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง ที่ระบุว่า องค์ประกอบสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยการให้ความรู้และสร้างทักษะทางการเงินแก่ประชาชน (Financial Literacy) ซึ่งถือเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญในโลกปัจจุบัน 

การกำกับดูแลผู้ให้บริการสินเชื่ออย่างเป็นธรรม (Fair Lending) โดยให้ความสำคัญกับลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างตรงจุดและทันท่วงที แล้วก็ทำให้เกิดความหวังว่า SMEs จะได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุดทำให้ความทรงจำตอนเข้าทำงานแบงก์เป็นพนักงานสินเชื่อเกษตรที่ชนบท ยังจำนโยบายของ อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอนเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำหนดไว้ว่าการเปิดสาขาในต่างจังหวัดของธนาคารพาณิชย์จะต้องปล่อยสินเชื่อเกษตรไม่ต่ำกว่า 20% ของสินเชื่อที่ปล่อย 

ถึงแม้ธุรกิจการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ถ้านำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อช่วยเหลือ SMEs ได้ก็จะทำให้ SMEs ได้รับการช่วยเหลืออย่างตรงจุดมากกว่าทุกวันนี้...