Sideway Up - รายงานพิเศษ TACC (18 ต.ค. 64)
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าถึงประมาณ 10 จุด ตามตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่ในช่วงบ่ายมีแรงขายออกมาทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ
โดยหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัว Outperform ตลาด ทั้ง DELTA, KCE, HANA, SVI และ SMT ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,638.34 จุด -2.63 จุด -0.16% มูลค่าการซื้อขาย 84,725 ลบ. มูลค่าการซื้อขาย 84,964 ลบ. ต่างชาติ +3,400.29 ลบ. TFEX +2,173 สัญญา ตราสารหนี้ +963.61 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 382.20 จุด +1.09% ในรอบสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.6% ปรับขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. ได้แรงหนุนจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง และ ตัวเลขยอดค้าปลีก สหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย.
+สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ +1.2% ปิดที่ 82.28 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2557 ในรอบสัปดาห์ พุ่งขึ้น 3.7% ได้แรงหนุนจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
+สหรัฐไฟเขียวผู้เดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนสูตรไขว้สามารถเข้าประเทศได้
+กทม.คลายล็อก 16-31 ต.ค.ร้านอาหาร-ห้าง-โรงหนังเปิดปกติ จัดประชุม-สัมมนาไม่เกิน 50 คน
ปัจจัยลบ
- ผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า GDP จีนมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 5% ใน 3Q64 จากระดับ 7.9% ใน 2Q64 ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากวิกฤตหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นในภาคการผลิต
-จีนล้มดีลซื้ออาคารสำนักงานใหญ่ของเอเวอร์แกรนด์ในฮ่องกงมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเงินที่ย่าแย่ของเอเวอร์แกรนด์
-ประเด็นกังวลหุ้นกลุ่มแบงก์จากกรณีที่มีลูกค้าจำนวนมากถูกตัดเงินผิดปกติจ่ายบัตรเครดิต-เดบิต
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์น้าท่วมอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1630-1,650 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเป็นบวกต่อ : TOP SPRC ESSO PTTGC
• เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว : MINT ERW CENTEL AWC SHR ASAP AOT AAV BA
• ครม.ไฟเขียวจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม 6 แห่ง : ROJNA WHA EGCO
• ศบค.ลดเวลาเคอร์ฟิว : CPN CRC MBK CPALL BJC BEM BTS M AU ZEN
หุ้นรายงานพิเศษ
TACC - "ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายล็อคดาวน์และเคอร์ฟิว" ราคาเหมาะสมปี 64 ราว 8.20 บาท
•คาดแนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 อาจทรงตัวหรืออ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี เราคงคาดผลการดำเนินงาน 2H64 จะดีกว่า 1H64 จากการฟื้นคืนใน 4Q64 หลังศบค.เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนมาใช้บริการ Delivery ของ 7-Eleven มากขึ้น ขณะที่เครื่องดื่มรสชาติใหม่ White Chocolate Mint (โถกดเย็น) และ Blueberry Crumble (All Café) ได้กระแสตอบรับดี นอกจากนี้ บริษัทมีปัจจัยหนุนใหม่จากการส่งเครื่องดื่มให้กับ Lotus’s go fresh (Tesco lotus express) ซึ่งในร้านจะมี Shop in Shop ของ Jungle Café โดยปัจจุบันบริษัทส่งให้กับ Lotus’s go fresh แล้วราว 1,100 สาขา อย่างไรก็ดี เราปรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 64 ลง 5% สู่ 215 ลบ. +14%YoY เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ (ช่วง 3Q64)
•บริษัทมีปัจจัยใหม่ช่วยหนุนการเติบโตในระยะกลาง-ยาว อาทิ 1) การขยายสาขา Shop in shop ใน Lotus’s go fresh 2) 7-Eleven เปิดสาขาในกัมพูชา และ 3) ผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง นอกจากนี้ บริษัทไม่มีภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จ่ายปันผลอัตราราว 3.5-4% ต่อปี โดยเราคงคาแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 64 8.20 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) TTCL ( Bloomberg Consensus - บาท) เผยคว้างานก่อสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล ในเวียดนามมูลค่า 900 ล้านบาท ขนาด 120,000 ตันต่อปี ดันงานในมือทะลุ 9.3 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ช่วง 2 ปี พร้อมขายหุ้นบริษัทย่อย HATIECO เกลี้ยง 90% ให้ IKC มูลค่า 390 ล้านบาท หวังดึง IKC เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BAM ( Bloomberg Consensus 22.00 บาท) BAM เฮ! จัดกิจกรรมได้ เตรียมออกบูธจัดโปรแรงกระตุ้นยอดขายเอ็นพีเอปลายปี 3-4 งาน ดัน Q4 ยอดพุ่ง 6 พันล้านบาท ย้าชัดมาร์จิ้นยังสูงเกิน 50% เหตุได้ทรัพย์มาราคาต่ำ ชูลูกค้ารายย่อยแห่ลงทะเบียน 400 ราย ผสมขายออนไลน์ ช่วยรายได้เข้าเป้าไตรมาส 3 ที่ 4.2 พันล้านบาท เดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้-ปล่อยทรัพย์เงินผ่อนเพิ่มรายได้ประจำ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BGC ( Bloomberg Consensus 13.35 บาท) ประเมินดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วไตรมาส 4 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หลังรัฐบาลประกาศเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ หนุนการจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคักในช่วงไฮซีซั่น ตั้งเป้าผลงานปีนี้โตกว่าปีก่อน พร้อมปรับโมเดลธุรกิจสู่ Total Packaging Solutions เพิ่มรายได้จากพอร์ตบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย คาดปี 68 รายได้พุ่ง 2.5 หมื่นล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ACG ( Bloomberg Consensus - บาท) "ออโตคอร์ป" เดินหน้าธุรกิจ Fast Fit เตรียมขยายสาขาในกทม.และปริมณฑลอีก 4 แห่ง หนุนสิ้นปีนี้เปิดบริการครบ 6 สาขา หลังสร้างรายได้-อัตรากำไรสูง ส่งซิกผลงานไตรมาส 3/64 โตกว่าปีก่อน ขณะที่ธุรกิจหลักได้รับผลกระทบโควิด-19 จากัด และธุรกิจใหม่เติบโตดี มั่นใจทั้งปี 64 ผลงานดีกว่าปีก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)