กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ 18-21 ตุลาคม: เทรดอยู่ในกรอบแคบๆ
น่าจะขยับอยู่ในช่วงแคบ ๆ ในระยะสั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว (11-15 ตุลาคม) ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อย และ outperform ตลาดหุ้นโลก
เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้ ข้อแรก การกระจายวัคซีนในประเทศไทยมีความคืบหน้า ซึ่งส่งผลดีต่อ
แนวโน้มการเปิดประเทศ โดยเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งทำให้ภาวะตลาดของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องดีขึ้น ข้อที่สอง ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนตุลาคม ทั้งนี้ สภา congress ของสหรัฐให้ความเห็นชอบกฎหมายเพิ่มการใช้จ่ายในระยะสั้น และขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปถึงต้นเดือนธันวาคมเพื่อให้มีเวลาเจราต่อรองกันนานขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ดูชัดเจนมากขึ้น
สำหรับในสัปดาห์นี้ (18-21 ตุลาคม) เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะพักฐาน ถึงแม้ว่าปัจจัยยมหภาค
ภายในประเทศจะมีแนวโน้มสดใสมากขึ้น แต่ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดน่าจะสะท้อนความคืบหน้าเรื่องการเปิดประเทศไปเรียบร้อยแล้ว และยากที่ประเด็นนี้จะกระตุ้นความตื่นเต้นของนักลงทุนต่อไปได้ นอกจากจะเห็นว่าการเปิดประเทศประสบผลสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน สำหรับปัจจัยภายนอก ผลการประชุม FOMC ของสหรัฐในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางของตลาด เนื่องจาก Fed น่าจะประกาศลดขนาด QE ลง และเปิดเผยรายละเอียดว่าคณะกรรมการอยากจะดำเนินการเร็วขนาดไหน ทั้งนี้ ในภาพรวม เรามองว่าแนวโน้มตลาดในระยะยาวยังคงอยู่ในขาขึ้น แต่แนะนำให้เตรียมตัวสำหรับการพักฐานในระยะสั้นก่อน
ติดตามการประกาศผลประกอบการในตลาดสหรัฐ และตลาดหุ้นไทย รวมถึงความคืบหน้าของการเปิดประเทศไทย
(0) การประกาศงบ 3Q64 ของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐ ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะดูเหมือนผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐลงไประดับหนึ่งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการ 3Q64 ที่ฟื้นตัวได้ดีของบริษัทในตลาด โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารส่วนใหญ่ของสหรัฐประกาศผลประกอบการ 3Q64 ออกมาดีเกินคาด และเป็นสัญญาณที่ดีต่อการประกาศงบของบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มการเงินในช่วงต่อไป
(0/+) ความคืบหน้าของแผนเปิดประเทศไทย เรามองว่าทั้งกิจกรรมทางธุรกิจ และความเสี่ยงของการติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเมื่อมีการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองบวกกับการเร่งกระจายวัคซีนในขณะนี้ ซึ่งจะยังช่วยคุมจำนวนผู้ป่ วยหนักและยอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ให้ยังต่ำอยู่ต่อไป
คงคำแนะนำซื้อสะสมในจังหวะที่ตลาดพักฐานช่วงสั้น
เราแนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมในจังหวะที่ตลาดน่าจะพักฐาน เนื่องจากเรามองแนวโน้มตลาดหุ้น
ไทยเป็นบวกใน 4Q64 โดยเรายังคงเน้นหุ้นกลุ่มหลัก อย่างเช่น i) ธนาคารใหญ่ที่ยังเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายอยู่อีก (BBL*, KBANK*) ii) ท่องเที่ยวและขนส่งซึ่งจะได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ (AOT*, CPN*, MAJOR*, SPA) และ iii) หุ้นกลุ่มถัดไปที่จะได้อานิสงส์จากการเปิดเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น อย่างเช่น commerce (CPALL*, HMPRO*) ทั้งนี้ เรายังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 1,730 จุด โดยอิงจาก PEG ระยะยาวที่ 1.1x