KKP เผยกำไรไตรมาส 3/64 เพิ่มขึ้น9.7% ยังเติบโตระดับที่ดี แม้มีผลกระทบโควิด
เกียรตินาคินภัทร เผยกำไรไตรมาส 3/64ที่ 1,478 ล้าน เพิ่มขึ้น9.7% และ งวด 9 เดือนปีนี้ที่ 4,295 ล้าน เพิ่มขึ้น 7.0% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ย้ำมีการกระจายรายได้ที่ดี แม้ยังมีผลกระทบจากโควิดและยังสำรองฯที่ 1,007 ล้าน ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าธนาคารเกียรตินาคิน ภัทรและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/2564 จำนวน 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 และงวด 9 เดือนของปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 4,295 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.0% จากงวดเดียวกันปี2563
ทั้งนี้ จากการดำเนินการของธนาคารที่มุ่งเน้น การเสริมสร้างธุรกิจหลักในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารมีการกระจายรายได้อย่างเหมาะสม และช่วยลดทอนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบันที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควดิ-19ได้ในบางส่วน ส่งผลให้ธนาคารยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ในระดับที่ดี
ทั้งนี้ สำหรับไตรมาส 3/2564 ธนาคารมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น 54.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ธุรกิจหลักต่างๆยังคงสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดี ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ที่ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 8.3%
ในด้านของค่าใช้จ่าย ธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ สำหรับไตรมาส 3/2564 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยอยู่ที่ 40.8%
ทางด้านการตั้งสำรองธนาคาร ยังคงอาศัยหลักความระมัดระวัง ในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดวา่ จะเกิดขึ้นโดยธนาคารมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 3/2564 เป็นจำนวน 1,007 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ทางด้านสินเชื่อของธนาคารยังคงมีการเติบโตได้ในระดับที่ดีโดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 สินเชื่อรวมของธนาคารมีการขยายตัวที่ 8.7% จากสิ้นปี2563 โดยธนาคารยังคงใหค้วามสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีส่งผลใหก้ารเพิ่มขึ้นของสินเชื่อโดยหลักจะมาจากการขยายตัวในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบรรษัท
ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วน สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2564อยู่ที่ 3.52% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.4% เมื่อสิ้นไตรมาส 2/2564 โดยธนาคารยังคงมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต อยในระดับสูง ที่ร 158.0%
สำหรับเงินกองทุน ธนาคารยังคงมีสถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับ ที่สูงและเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่ง ประเทศไทยโดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์สี่ยงอยู่ที่ 16.82%
ทางด้านธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชี
ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ) เพิ่มขึ้นเป็น 15.74% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด
38 แห่ง