WHA รุก 5G ทุกกลุ่มธุรกิจ เพิ่มศักยภาพแข่งขันเวทีโลก
WHA Group ปรับแผนลงทุน ผนวกเทคโนโลยี 5G พัฒนา 4 ธุรกิจ สู่ระบบอัจฉริยะ พร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลต่อยอดธุรกิจโมเดลใหม่
“กรุงเทพธุรกิจ” จัดสัมมนาหัวข้อ “EEC Future : 5G...ดันศักยภาพไทยแข่งขันเวทีโลก” เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2564 โดยมีผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนการลงทุน 5G ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
การเสวนาในช่วงที่ 2 หัวข้อ "โครงสร้างพื้นฐานไทยแข่งขันเวทีโลก" มี ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้พูดคุยกับ จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เห็นโอกาสลงทุนจากเทคโนโลยี 5G และสเกลธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว
จรีพร ให้ความเห็นว่า เทคโนโลยี 5G เข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนทั้งอุตสาหกรรม การเกษตร การแพทย์ รวมถึงการศึกษา และด้านอื่นๆ ซึ่งการวางโครงสร้างพื้นฐาน 5G เปิดประตูโอกาสให้การใช้งานในภาคธุรกิจแบบ B2B และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมก้าวไปถึง 4.0 ได้ โดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว ความหน่วงต่ำ และความสามารถในการรองรับอุปกรณ์ได้มหาศาล และที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม
ในปี 2030 คาดการณ์ว่าอุปกรณ์ 5G IoT จะมียอดขายในกลุ่ม Industry 4.0 ราว 22.3 ล้านยูนิต รองลงมาเป็นกลุ่ม Smart City, Smart Energy, การใช้งานในออฟฟิศ, Smart Security, ความเชื่อมโยงด้านสุขภาพ และอื่นๆ
เทคโยโลยี 5G ทำให้ธุรกิจก้าวไปสู่ระบบปฏิบัติการแบบออโตเมชั่น โดยมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ 3D Printing Blockchain กระทั่ง Quantum Computing มาเพิ่มศักยภาพในการผลิต การปฏิบัติงาน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญเลยคือช่วยลดต้นทุน และทำให้ธุรกิจเกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างธุรกิจโมเดลใหม่ในโลกยุคดิจิทัล
เมื่อประเทศไทยมีความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสัญญาณ 5G ทำให้กลุ่มบริษัท WHA ปรับแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ดังนี้
ธุรกิจโลจิสติกส์ ในอนาคตจะทำงานด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งในตอนนี้บริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่ในเมืองไทยก็ได้ปรับไปเป็น Semi-automate แล้ว โดยในต่างประเทศเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ในพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร จะมีการใช้แรงงานคนเพียง 8 คน โดยในคลังสินค้าห้องเย็นก็เปลี่ยนไปใช้หุ่นยนต์ทั้งหมด ในฐานะที่ WHA เป็นผู้ให้เช่าคลังสินค้า เราก็มีการพัฒนาด้านนวัตกรรมเสริมการบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เฉพาะในอีอีซี มี 10 นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่เกือบ 50,000 ไร่ มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานภายในนิคมให้พร้อมรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า ให้กลายเป็น Smart Eco Industrial Estate ทั้งด้าน Smart Factory, Smart energy, Smart mobility และอื่นๆ
ธุรกิจพลังงาน มีการพัฒนาเป็น Smart Energy แบ่งเป็น 3 เฟส .ในเฟสแรกจะเป็นการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ในรูปแบบ Solar Roof และ Solar Floating ในนิคมอุตสาหกรรม ส่วนเฟสที่สองทำเรื่อง distribution network มีการทำข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้าเพื่อขายพลังงานส่วนเกินที่ผลิตได้ และมีการทำ sand box เรื่องการแลกเปลี่ยนพลังงานให้กับคู่ค้า (peer-to-peer energy trading) ส่วนในเฟสที่สาม คือการทำระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Grid control) ทำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้และผู้ขาย (Prosumer) พลังงาน
ธุรกิจสาธารณูปโภค พัฒนาให้เป็น Smart Utility โดยทำเป็น sandbox เพื่อใช้งานในนิคมอุตสาหกรรมและมีแผนจะต่อยอดไปทำภายนอกด้วย อาทิ เรื่องน้ำมีการติดตั้งระบบ SCADA Improvement โดยมีการควบคุมจากส่วนกลางกระจายน้ำไปให้โรงงานต่างๆ แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ รวมไปถึงการจัดการ traffic control และการจัดการมลพิษทางอากาศ
ธุรกิจดิจิทัล มีการจัดทำ Data Center 4 แห่ง โดยมีความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทด้านโทรคมนาคม เพื่อศึกษาแนวทางในการนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ในนิคมอุตสาหกรรม เบื้องต้นมีการเจรจาเพื่อสร้างความร่วมมือใช้เสาสัญญาณ 5G ร่วมกันในพื้นที่อีอีซี ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่บริษัท WHA เท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากการวางโครงสร้าง 5G แต่เป็นบริษัทในพื้นที่ทั้งหมดจะสามารถยกระดับการผลิตให้แข่งขันได้เต็มรูปแบบ