โบรกลุ้น GRAMMY ประกาศข่าวดี หนุนราคาหุ้นพุ่งแรง

โบรกลุ้น GRAMMY ประกาศข่าวดี หนุนราคาหุ้นพุ่งแรง

กลุ่มดำรงชัยธรรม โยนบิ๊กล็อตหุ้น GRAMMY 52% มูลค่า 6.1 พันล้าน เข้าบริษัทโฮลดิ้ง “บล.กสิกรไทย” ชี้ ราคาหุ้นพุ่งเฉียด 10% อาจมีสตอรี่บวกเตรียมประกาศ เชื่อแค่ปรับโครงสร้างถือหุ้นดันราคาขึ้นไม่แรง

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY วานนี้ (18 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นแรง หลังแจ้งข่าวปรับโครงสร้างถือหุ้นของกลุ่มครอบครัวดำรงชัยธรรม โยนหุ้นบิ๊กล็อต  426.77 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 14.30 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวม 6,102.87 ล้านบาท ให้บริษัทโฮลดิ้ง โดยราคาปรับตัวขึ้นแตะ 18.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน เพิ่มขึ้น 4.10 บาท หรือ 27.70% ก่อนย่อตัวมาปิดตลาดที่ 16.20 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 9.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6,150.91 ล้านบาท

ราคาหุ้น GRAMMY

นางกนกพร สาณะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ ครอบครัวดำรงชัยธรรม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยการโอนหุ้นที่กลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ บริษัท ฟ้า ดำรงชัยธรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าว เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในครอบครัวดำชัยธรรม และรองรับการกำกับดูแลธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว โดยได้มีการโอนหุ้นบิ๊กล็อตให้แก่บริษัทแก่ บริษัท ฟ้า ดำรงชัยธรรม ในวันที่ 18 ต.ค.

สำหรับการโอนหุ้นดังกล่าวทำให้ บริษัท ฟ้า ดำรงชัยธรรม ได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัททั้งหมดคิดเป็น 52.05% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท และ บริษัท ฟ้า ดำรงชัยธรรม ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ การถือหุ้นก่อนและหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าว ครอบครัวดำชัยธรรม ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เพียงแต่การถือหุ้นจะเป็นการถือหุ้นทางอ้อมโดยผ่าน บริษัท ฟ้า ดำรงชัยธรรม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจควบคุมบริษัทแต่อย่างใด และไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า จากราคาหุ้น GRAMMY ที่ปรับขึ้นสูง ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีประเด็นบวกอื่นๆ ประกาศตามมา เพราะมองว่าการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในไม่สามารถดันราคาหุ้นให้พุ่งสูงได้มากขนาดนี้ แม้บริษัทจะมีปัจจัยบวกจากข่าวเตรียมนำ บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) เข้าตลาดหุ้นก็ตาม หากเทียบกับกรณีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในที่คล้ายกันเช่น บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) ที่โอนหุ้นให้ทายาทในช่วง ก.ย.2563 ราคาหุ้นกลับปรับตัวลง หรือเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างภายในของบริษัทในครั้งนี้ไม่เป็นผลบวกหรือลบต่อทิศทางการดำเนินงานในระยะสั้น แต่ในระยะยาว การจัดตั้งโฮลดิ้งจะส่งผลให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ช่วยควบคุมทิศทางธุรกิจ และช่วยรองรับการเปลี่ยนผ่านจากผู้บริการรุ่นปัจจุบันไปยังรุ่นลูกและรุ่นหลานต่อไป

อย่างไรก็ดี สำหรับมุมมองการลงทุน แนะนำนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายโดยเฉพาะนักลงทุนที่เก็งกำไรตามข่าว ควรกำหนดจุดขายขาดทุน (Cut Loss) เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไปมากแล้ว โดยคาดว่านักลงทุนคาดหวังการเปลี่ยนมือให้กลุ่มบุคคลนอกเข้ามาถือหุ้นเพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่ผลปรากฏว่าเป็นการปรับโครงสร้างภายในเท่านั้น

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า การปรับโครงสร้างภายในบริษัทของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของบริษัท เพราะสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือภายนอกครอบครัวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ดังนั้น ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นวานนี้จึงสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่ไม่ได้มีประเด็นบวกเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม จึงแนะนำนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังก่อนเข้าลงทุน