WHA ชี้ดีเดย์เปิดประเทศ 1พ.ย. นี้ หนุนผลงานไตรมาส4ปีนี้คาดทำนิวไฮ
“ดับบลิวเอชเอ” เผยเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ เริ่มเห็นสัญญาณบวกลูกค้าต่างชาติจ่อเดินทางเข้ามา หนุนยอดขายในไทยปลายปีนี้ดีกว่าเป้าที่ 750 ไร่ ด้านไตรมาส 4 ปี 64 คาดผลงานนิวไฮ พร้อมเดินหน้าเพิ่มทุนกองทรัสต์ "ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท" ใน 5 ปีข้างหน้า 3-5 พันล้านต่อปี
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศเตรียมเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ถือเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากลูกค้าต่างชาติจะสามารถเดินทางเข้ามาเมืองไทยได้ ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจในช่วงปลายปีนี้จะฟื้นตัว และน่าจะเห็นภาพชัดเจนช่วงต้นปี 2565
ดังนั้น คาดยอดขายที่ดินในประเทศปีนี้อาจจะกลับมาทำได้ดีกว่าเป้า โดยเป้าหมายปีนี้ยอดขายที่ดินปีนี้อยู่ที่ 820 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 750 ไร่ และในเวียดนาม 70 ไร่ ส่วนในปีหน้าจะมียอดขายที่ดินและยอดโอนที่ดินเข้ามาเพิ่มขึ้น
ขณะที่ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่ายังทำนิวไฮต่อเนื่อง จากยอดโอนที่ดินน่าจะกลับมาดีขึ้น และยังมียอดขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งมีระดับมาร์จินค่อนข้างดี ซึ่งบริษัทยังคงเป้าหมายสิ้นปีนี้ มีพื้นที่เช่าคลังสินค้า 2,560,000 ตารางเมตร
"ปกติไตรมาสสุดท้ายจะทำนิวไฮสูงสุดของปีอยู่แล้ว มาจากรายได้หลักสองส่วนคือ ยอดโอนที่ดินและรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งในปีนี้ยังทำได้”
ล่าสุด กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART (เพิ่มทุนครั้งที่ 6) ประกาศเดินหน้าลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ มูลค่ารวมไม่เกิน 5.55 พันล้านบาท มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 184,329 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ด้าน โลจิสติกส์ เชื่อมต่อทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และผู้เช่าจัดเป็นบริษัทชั้นนำของกลุ่มธุรกิจ E-Commerce และ FMCG ที่กำลังมาแรงทั้ง Alibaba Group- Shopee Xpress-ทีดี ตะวันแดง สร้างความมั่นคงจากสัญญาเช่าระยะยาว และผลตอบแทนอย่างมั่นคง
พร้อมเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินไปแตะที่ระดับ 48,000 ล้านบาท และมีพื้นที่ เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1.58 ล้านตารางเมตร ซึ่งทำให้กองทรัสต์ WHART รักษาความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงานที่ใหญ่ที่สุดประเทศไทย
อีกทั้งการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ ยังช่วยสร้างการเติบโตและมั่นคงให้กับรายได้ของกองทรัสต์อย่างมั่นคงและยั่งยืน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นหน่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยมีคาดการณ์อัตราการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นจาก 0.79 บาทเป็น 0.8 บาท และมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6%
สำหรับกองทรัสต์ WHART 5 ปีข้างหน้า (2565-2596) ตั้งเป้าหมายนำทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมียมเข้ากองทรัสต์ WHART ทุกปี โดยเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เฉลี่ย 3,000-5,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มพื้นที่เช่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนตารางเมตร โดยเน้นคัดเลือกทรัพย์สินทำเลพื้นที่ศักยภาพโตสูง ในโซนอีอีซีเพิ่มขึ้น อีกกระจายลงทุนธุรกิจที่หลากหลายได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ และสินค้าอุปโภคบริโภค