"ซีพี" เสนอ 5 สูตรสำเร็จ ดันแผน Net Zero หนุนธุรกิจยั่งยืน
เครือซีพี เสนอ 5 สูตรสำเร็จ ดันแผนงาน Net Zero ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน กระตุ้นภาคเอกชนตื่นตัวรับมือวิกฤตโลกร้อน มองเป็น “โอกาส”มากกว่าความเสี่ยง พร้อมต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่
วันที่ 21 ตุลาคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน SET ESG Webinar Series: Business & Climate Change ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการจัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “Understanding Climate Change as Business Drivers” การสร้างความเข้าใจในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจ โดยมีนักวิชาการ ผู้บริหารจากภาคธุรกิจเอกชน และหน่วยงานรัฐ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ร่วมเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ “เริ่มเลย เริ่มอย่างไร?” ร่วมกับตัวแทนจากภาคธุรกิจเอกชน ประกอบด้วย นายนำพล ลิ้มประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ และดร.ชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กร บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล
นายนพปฎล กล่าวว่า ภาคธุรกิจเอกชนตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องธุรกิจกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะขณะนี้กติกาการค้าทั่วโลกเตรียมใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายตรวจสอบคุณภาพสินค้าและบริการว่ามีการละเมิดหรือสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือไม่ สำหรับประเทศไทยต้องเร่งเตรียมความพร้อมเรื่องนี้เช่นกัน เพราะสินค้าบางชนิดจะได้รับผลกระทบจากกติกาด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต อาทิ ปูนซีเมนต์ แก้ว เหล็ก ปุ๋ย ถ่านหิน
จากนั้นจะกระทบไปยังสินค้าส่งออกอื่นๆ ธุรกิจเอกชนและภาครัฐไทยจึงต้องเตรียมตัวเพื่อเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสให้กับธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ หากธุรกิจไทยเตรียมพร้อมเรื่องนี้ได้ดี มีการดำเนินธุรกิจที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานก็จะเป็นโอกาสทางธุรกิจในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และสหรัฐ ส่งผลให้ไทยเหนือกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ
ฉะนั้นภาคธุรกิจต้องมองการปรับตัวเข้าสู่ยุคธุรกิจโลว์คาร์บอนในระดับโลกว่าเป็นโอกาสมากกว่าความเสี่ยง เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงรับความคาดหวังของตลาดโลก รวมทั้งยังเป็นการต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆที่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ปัญหาโลกร้อนด้วย
นายนพปฎล กล่าวยกกรณีศึกษาที่เครือซีพีดำเนินการในภาคเกษตรด้วยการปรับเปลี่ยนธุรกิจสุ่รูปแบบ Circular Economy เพื่อลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งไม่ให้เกิดของเสียเหลือทิ้งจากการผลิตเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนส่งผลให้การผลิตข้าว หมู และไก่ของซีพีมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่ต่ำกว่าทั่วโลกได้
รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้ในการติดตามผลิตภัณฑ์ต่างๆตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ การใช้ดาวเทียมตรวจจับควันในไร่ข้าวโพดทุกแปลง เพราะนโยบายซีพีไม่มีการรับซื้อข้าวโพดที่มาจากการปรับพื้นที่ด้วยการเผาก่อนปลูก นอกจากนี้เครือซีพียังได้ตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 20 ล้านต้นภายใน 10 ปีเพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้จนถึงปัจจุบันซีพีปลูกต้นไม้ไปแล้ว 6 ล้านต้น
ทั้นี้ ซีพีได้ตั้งเป้าสู่ Net Zero ภายใต้ Key Success สำคัญ 5 สูตร ตามแนวทางของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือซีพี คือ
1.การสร้างภาวะผู้นำที่ตระหนักรู้ต่อการเปลี่ยนธุรกิจเพื่อช่วยรักษาโลกใบนี้
2.ต้องกล้าวัดผล ออกรายงานด้านความยั่งยืนทุกปีเพื่อตรวจสอบภารกิจต่างๆและเห็นถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของทุกธุรกิจและผลิตภัณฑ์ขององค์กร
3.ต้องร่วมมือกับทุกองค์กรพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการขับเคลื่อนเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
4.ให้ความสำคัญการจัดการความยั่งยืนอย่างจำเพาะเจาะจงในแต่ละประเภทธุรกิจเพื่อบริหารจัดการความยั่งยืนได้ถูกจุด
5.นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในธุรกิจเพื่อช่วยโลกให้ขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืนในอีก 30-40 ปี ข้างหน้าได้
ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาโลกร้อนปัจจุบันมีผลต่อการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจให้ทันต่อเหตุการณ์ เข้าใจฉากทัศน์ที่เปลี่ยนไปเพื่อสามารถปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสใหม่ๆ
โดยเฉพาะในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ภาคธุรกิจต้องปรับตัว หาแนวทางร่วมกันเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สามารถพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนและการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจได้จริง