ทอท.เตรียมพร้อม 1 พ.ย.นี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับผู้โดยสาร 3 หมื่นคน
ทอท.ดึงนวัตกรรมบริการสนามบิน รับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ประเมินผู้โดยสาร 3 หมื่นคน ลุ้นอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวชัดหลังจีนจัดเอเชียนเกมส์ เม.ย. - พ.ค. ปีหน้า จ่อเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และรถไฟฟ้าไร้คนขับ รองรับ เม.ย.2566
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชม และตรวจความพร้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้ (29 ต.ค.) โดยระบุว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง มีความพร้อมที่จะให้บริการรองรับการเปิดประเทศ
สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ มีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์มาประมาณ 440 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ 230 เที่ยวบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศ 110 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้า 100 เที่ยวบิน คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ราว 3 หมื่นคน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 2.3 หมื่นคน และระหว่างประเทศ 7 พันคน
“บริการของสนามบินที่จะเกิดขึ้นหลังเกิดโควิด-19 จะเน้นรูปแบบวิถีใหม่(New Normal) ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อลดการสัมผัส ทั้งเครื่องคีออส (KIOSK) สำหรับเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ 196 เครื่อง และเครื่องคีออสรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 42 เครื่อง ซึ่งติดตั้งกระจายอยู่บริเวณแถวเช็กอินตั้งแต่ Row B ถึง Row U ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร”
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีแผนนำระบบจดจำใบหน้า มาใช้ตรวจสอบตัวตนผู้โดยสาร ซึ่งภายในเดือน พ.ย.นี้ จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่น SAWASDEE by AOT ที่จะมีบริการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่หลากหลาย ทั้งตรวจเช็คสัมภาระ อาคารจอดรภ เช็คอินผ่านระบบแอพพลิเคชั่น ตลอดจนข้อมูลการเดินทางอื่นๆ
ทั้งนี้ ทอท.ยังคาดการณ์ว่าภายหลังเปิดประเทศในเดือน พ.ย.นี้ จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารจะฟื้นตัวในจำนวนไม่มาก และยังไม่ได้กลับมาทันที เพราะอุตสาหกรรมการบินต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ต้องวางแผนการเดินทาง จองบัตรโดยสาร ขณะที่สายการบินต้องวางแผนธุรกิจและเตรียมน้ำมัน แต่อย่างไรก็ดี ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เปิดประเทศในเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นเดือนที่เหมาะสม เพราะ ทอท.หวังว่าการบินจะกลับมามากขึ้นทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ (ธ.ค.2564-ม.ค.2565)
นอกจากนี้ ยังคาดว่าภาพรวมปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-ก.ย.2565) ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. จะมีผู้โดยสารรวมกว่า 60 ล้านคน ขณะที่ปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565-ก.ย.2566) ผู้โดยสารจะทยอยกลับมาสู่ปกติเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าอุตสาหกรรมการบินหลังจากนี้ต้องจับตาดู 3 จุดหลัก คือ
1.เดือน พ.ย.2564 ผู้ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบิน ยังคงอยู่เหลือเท่าใด
2.เดือน ธ.ค.2564 เป็นเดือนที่ต้องลุ้นมาก เพราะจำนวนผู้โดยสารน่าจะกลับมาเพิ่มขึ้น แต่คงไม่มากนัก เนื่องจากประเทศจีนยังไม่เปิดให้ประชากรเดินทางเข้าออกประเทศ จึงต้องลุ้นกันอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ย.2565 จากการจัดเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีน ซึ่งคาดว่าตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค.2565 จะเริ่มมีการเดินทาง
3.จุดคุ้มทุนของท่าอากาศยาน และสายการบิน ต้องรอดูว่าเมื่อผู้โดยสารจีนกลับมาแล้ว จะทำให้ผู้โดยสาร ทอท. กลับมาอย่างน้อย 50% และสายการบินมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร 60-70% หรือไม่
สำหรับความคืบหน้าการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT1) และรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ เบื้องต้นประเมินว่างานก่อสร้าง และทดสอบระบบแล้วเสร็จเดือน ก.ค.-ส.ค.2565 โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท. มีมติให้เปิดให้บริการในเดือน เม.ย.2566 เพราะมั่นใจว่าในช่วงตารางบินฤดูหนาว ระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2565 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณูมิราว 36 ล้านคน หรือประมาณ 80% ของขีดความสามารถในการรับรองที่มีอยู่ 45 ล้านคน