เปิดประเทศ 1 พ.ย. 64 ยังไม่พอฟื้นเศรษฐกิจ
การเปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 เป็นเพียง "จุดเริ่มต้น" ของการฟื้นฟูประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งมีการคาดหวังว่าจะเป็นการสร้างแรงส่งของการท่องเที่ยวไปถึงปี 2565
ประเทศไทยมีกำหนดเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. 2564 หลังจากมีการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศต้องกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เป็นการกำหนดเงื่อนไขหลังจากพบการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2563 ซึ่งเป็นมาตรการที่หลายประเทศดำเนินการ และมาตรการนี้รวมถึงคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว จึงเปรียบเสมือนเป็นการกึ่งปิดประเทศและจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมาก
การประกาศเปิดประเทศในวันนี้ ถึงแม้จะอยู่บนสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้า โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันอยู่ที่ระดับ 8,000-9,000 คน
ในขณะที่ยอดรวมของจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยนับถึงปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรวม 1.91 ล้านคน อยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก ซึ่งการเปิดให้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น จะต้องอยู่บนเงื่อนไขของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเคร่งครัด
ในช่วงปลายปี จะเป็นไฮซีซันของฤดูกาลท่องเที่ยว โดยการเปิดประเทศจะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น แต่คงยังไม่สามารถชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปมากกว่า 30 ล้านคน
ดังนั้น การเปิดประเทศจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งมีการคาดหวังว่าจะเป็นการสร้างแรงส่งของการท่องเที่ยวไปถึงปี 2565 ให้มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดรับกับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่จะมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากผ่อนคลายล็อกดาวน์
หลังจากนี้ มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลายฝ่ายได้ยื่นข้อเสนอให้มีการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแนวทางที่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลเร็ว โดยเฉพาะการเพิ่มวงเงินของมาตรการคนละครึ่งเฟส 3 รวมถึงข้อเสนอการนำมาตรการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างแรงจูงใจของการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรัฐบาลอาจจะเสียรายได้จากการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่รัฐบาลได้จะได้รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยมาตรการนี้อาจนำมาใช้เสริมกับมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่ได้รับผลตอบรับที่ไม่มากนัก
การลงทุน เป็นอีกเครื่องจักรกลที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2565 ซึ่งรัฐบาลพึงพอใจกับสถิติคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่มีมูลค่า 500,000 ล้านบาท สูงกว่าคำขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 2563 ทั้งปี แต่การลงทุนจริงยังไม่เกิดขึ้น เพราะต้องรอการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนและออกบัตรส่งเสริมการลงทุน
ดังนั้น จะต้องเร่งให้บริษัทที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้วให้เดินเครื่องลงทุน รวมถึงการเร่งรัดดึงการลงทุนตามมาตรการที่ออกมาแล้ว เพื่อให้การท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนและการส่งออกเร่งเครื่องไปพร้อมกัน