คริปโตโนแมดความหวังฟื้นอสังหาฯหลังโควิด
อสังหาฯยุคหลังโควิด ฐานลูกค้าในประเทศกำลังซื้อลดลง ค่ายอสังหาฯจึงต้องปรับกลยุทธ์มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายอย่าง "คริปโตโนแมด" ที่มีรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง เนื่องจากทำกำไรจากการซื้อขายคริปโตฯในช่วงที่ผ่านมา
นายริชาร์ด อลัน อควิโน หัวหน้าแผนกการตลาด บริษัทพร็อพเพอร์ตี้กูรู อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัดให้ความเห็นว่า คริปโตเคอเรนซี่ ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่ถือว่า มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก เช่นเดียวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน สำหรับในแง่ของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ การใช้ คริปโตเคอเรนซี่ ถือว่า เป็นอีกออฟชั่นในการซื้อและไม่ต้องผ่านคนกลางอาทิ ธนาคาร หรือบริษัทเครดิตการ์ด ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นออฟชั่นสำหรับบางกลุ่มที่สนใจ คริปโตเคอเรนซี่ และเหมาะสำหรับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มหันมานำเสนอการจ่ายเงินผ่าน คริปโตเคอเรนซี่เพื่อเพิ่มยอดขายมากขึ้น
“ เรามองเห็นว่า ตลาดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่ก็ถือว่ามีศักยภาพอยู่มาก เพราะในขณะเดียวกัน ประเทศไทยถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางของ คนที่ทำงานระยะไกลจากทั่วโลก (digital nomads) เทรนด์นี้น่าจะเติบโตขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิดและยังคงเติบโดต่อเนื่อง และกลุ่ม ดิจิทัล นอแมดมีการใช้คริปโตเคอเรนซี่ จึงมองว่า น่าจะมีแนวโน้มเข้ามาดิสรัปการซื้อขายของอสังหาฯในเมืองไทยมากขึ้น และคาดว่าจะกระตุ้นการซื้อขายทั้งในประเทศและผู้ซื้อต่างประเทศได้เป็นอย่างดีหลังจากเปิดประเทศ ”
นายอรรถนพ พันธุกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และนครศรีธรรมราช ระบุว่า นโยบายเปิดประเทศ ถือว่ามาถูกทาง เพราะหลังสถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย การประเทศได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น
“ ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า โควิดจะยังไม่หายไปไหน สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การหาทางอยู่ร่วมกับมัน ซึ่งหากเทียบการเริ่มเปิดประเทศ ในช่วงปี 2563 จากความกังวล การนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ โดยในประเทศเริ่มมีผู้ติดเชื้อระดับหลักสิบราย กับปีนี้ที่มีผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในอัตราระดับหมื่นรายนั้น ความเสียหายแทบไม่แตกต่างกัน แต่สถานการณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากความพร้อมหลายๆอย่าง และการเร่งฉีดวัคซีนก่อนหน้า ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวโยงกับเทรนด์ด้านสุขภาพ รวมถึงอสังหาฯ”
นายอรรถนพ กล่าวว่า กลุ่มคนต่างชาติที่ลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ ถือเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากแนวโน้มของคริปโตเคอเรนซี่จะเข้ามามีบทบาทและมีมูลค่าเสมือนทองคำ ที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ ในยุโรปมีการใช้กันมากขึ้นส่วนประเทศไทยอยู่ช่วงเริ่มต้นส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ธุรกิจอสังหาฯไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะกลุ่มคนต่างชาติที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ ที่ต้องการลงทุนระยะยาว ซึ่งอสังหาฯ เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ หากสามารถดึงคนกลุ่มนี้เข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทยได้จะสร้างรายได้มหาศาล
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า การเปิดประเทศ 1 พ.ย. ที่ผ่านมานี้ จะเป็นโอกาสสำหรับทุกธุรกิจรวมถึงอสังหาฯ โดยบริษัทได้เตรียมสต็อกคอนโดมูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงโครงการสำคัญ สโคป ที่ก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้าสร้างช่องทางการขายให้กับกลุ่มต่างชาติผ่านพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยเฉพาะลูกค้าคนจีนในเมืองใหญ่ อาทิ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง
ขณะเดียวกันบริษัทก็อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อศึกษา ช่องทางการ ซื้อ-ขาย บ้านและคอนโดของเอสซี แอสเสทผ่านคริปโตเคอเรนซี่ในช่วงปลายปีนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ หลังจากมองเห็นเทรนด์และโอกาสของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าในอนาคต จะกลายเป็นโอกาสสำหรับตลาดอสังหาฯ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ลงทุนคริปโตเคอเรนซี่
“เราเห็นการเติบโตของคริปโตเคอเรนซี่ในเมืองไทยที่มีการซื้อ-ขาย วันละ 3-4 พันล้านบาท แม้ไม่มากเทียบกับต่างประเทศ แต่มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคนกลุ่มนี้รวยขึ้นจากการลงทุนคริปโต ส่วนหนึ่งอยากหันมาลงในพร็อพเพอร์ตี้ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ”