ภาพรวมเป็นบวก แม้คาดฟื้นตัวอาจมีแรงขายทำกำไรสลับ
บรรยากาศลงทุนต่างประเทศเป็นบวก จากทั้งข่าวยารักษาโควิดตัวใหม่ (Plaxlovid) และการผ่านกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ภาพรวมการรายงานกำไร บจ.สหรัฐ ถือได้ว่าแข็งแกร่ง โดย 451 จาก 500 บริษัทใน S&P500 รายงานรายได้รวมดีกว่าคาด 2.56% และกำไรดีกว่าคาด 9.48% นำโดยกลุ่มการเงิน, พลังงาน, สื่อสาร และการแพทย์ ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทย ภาพรวมผลประกอบการผันผวนกว่ามาก แม้รายได้รวมดีกว่าคาด 4.78% แต่กำไรต่ำกว่าคาด 4.09% จากการรายงานผลประกอบการของกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรม, เทคโนโลยี, พลังงาน และสาธารณูปโภค ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองในช่วงไตรมาส 3/64 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ มีทิศทางฟื้นตัวที่มั่นคงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการเปิดเมือง ทำให้เราคาดหลายบริษัทราคามีแนวโน้มฟื้นตัวหลังประกาศผลประกอบการ แม้อาจรายงานผลประกอบการอ่อนแอก็ตาม
คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย และติดตามการปรับหุ้นตามดัชนี MSCI
เราคาดกนง. คงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 10 พ.ย. แม้อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคารในระยะสั้น แต่เรามองเป็นโอกาสทยอยสะสม ขณะที่ติดตามการปรับหุ้นตามดัชนี MSCI (rebalancing) วันที่ 11 พ.ย. (อาจทรายผลเช้า 12 พ.ย.) ว่าจะมีหุ้นใดเข้า/ออก และประเทศไทยและในภูมิภาค อาจจะมีแนวโน้มถูกปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหรือไม่? หลังหุ้นจีนปรับลดลงแรงจากความกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการกำกับดูแลในช่วงที่ผ่านมา เรายังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากการฟื้นตัว ของการบริโภคในประเทศ อาทิ ธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์และกองรีทส์, ค้าปลีก, สื่อสาร, ร.พ.ที่รับผู้ป่วย ขณะข่าวยารักษาโควิดอาจทำให้หุ้นท่องเที่ยว มีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นได้ดี
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, BLA, TIPH, THRE (แต่อาจต้องระวังการเคลมประกันโควิด) 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) เก็งกำไรทางเทคนิค EGCO, GPSC, GULF, BGRIM, CBG, PM, SGF, SIS, SYNEX, IT, SVOA, MFEC, SECURE, IRCP, BCH, CHG, BDMS, FORTH, PACO, PLANB, SHR, TR, ETC, BOL
ภาพรวมกลยุทธ์: มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังลงมาทดสอบ 1,622 จุด และเริ่มยืนได้ สัปดาห์นี้ลุ้นทะลุ 1,630 จุด เพื่อฟื้นตัวกลับไปเล่นในกรอบบน หรือทดสอบ 1,650-1,660 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, MINT*, CENTEL*, FSMART*
แนวรับ: 1,622 / แนวต้าน : 1,630-1,635 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐเปิดรับ 30 ชาติ ในรอบเกือบสองปี – สหรัฐอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองอเมริกันเดินทางเข้าไปยังสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. ทั้งทางอากาศและทางบกหากได้รับวัคซีนที่สหรัฐยอมรับครบแล้ว หรือมีผลทดสอบโควิดเป็นลบก่อนเดินทางสามวัน
ส.อ.ท.ชี้ความเชื่อมั่นดีต่อเนื่องทุกตัว - ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ฟื้น 2 เดือนต่อเนื่อง สัญญาณไฮซีซั่นหนุนฟื้นเศรษฐกิจ จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนจังหวัดท่องเที่ยวรับเปิดประเทศ ยอมรับห่วงราคาพลังงานสูงขอรัฐดูแล
กลุ่มโรงไฟฟ้า - ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงจากความกังวลข่าวกพช.ทบทวนราคาก๊าซธรรมชาติเหลวจากสัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาวบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท PETRONAS LNG LTD., เนื่องจากสถานการณ์ตลาด LNG ปัจจุบันมีแนวโน้มตึงตัวเพิ่มขึ้น
เกณฑ์ SET50/SET100 ใหม่ - ตลท.มีแนวโน้มนำการติดมาตรการกำกับดูแลมาใช้ในการพิจารณาหุ้นเข้า SET50/SET100 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นที่เข้าเกณฑ์กำกับซื้อขายบ่อยครั้ง หรือเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงจะไม่ถูกนำมูลค่าซื้อขายมาคำนวณ ทำให้มีโอกาสหลุด SET50/SET100 ได้ คาดจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงปลายพ.ย.64 และการประกาศหุ้นเข้า SET50/SET100 รอบใหม่จะเกิดขึ้นราวกลาง ธ.ค.64 เพื่อใช้สำหรับครึ่งแรกปี 2565
ประเด็นติดตาม: - 10 พ.ย. – TH: ประชุม กนง. / 11 พ.ย. – TH: MSCI Rebalancing
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)