เลือกเก็งกำไรรายตัวหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ผลประกอบการไตรมาส 3/64 ครบสัปดาห์นี้ ภาพรวมการรายงานกำไรของไทย ค่อนข้างอ่อนแอกว่าหุ้นสหรัฐฯ โดยบริษัทจดทะเบียนใน SET Index 447 แห่งจาก 633 แห่ง รายงานรายได้ดีและแย่กว่าคาดครึ่งต่อครึ่ง
คิดเป็นค่าเฉลี่ยรายได้ต่ำคาด 7.54% (vs S&P500 +2.57%) ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียนเพียงราว 15% ที่กำไรดีกว่าคาด (70% ตามคาด และ 15% แย่กว่าคาด) โดยมีค่าเฉลี่ยกำไรต่ำคาด 18.83% (vs S&P500 +9.38%) ซึ่งผลประกอบการที่ต่ำคาดส่วนใหญ่มาจากหุ้นในกลุ่มบริโภค, อุตสาหกรรมฐ วัสดุก่อสร้าง, พลังงานและสาธารณูปโภค ขณะที่ดีกว่าคาดในกลุ่มการแพทย์และการเงิน เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของการบริโภคจากการเปิดเมือง ขณะที่นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ระบาดในต่างประเทศ ที่อาจกระทบต่อจิตวิทยาลงทุนเป็นระยะ
มีโอกาสที่คปภ.จะยอมให้ปรับประกันแบบเจอ-จ่าย-จบ เป็นแบบจ่ายหากโคม่า สถานการณ์โดยรวมของกลุ่มประกันภัย ออกมาย่ำแย่ตามที่เราเตือน โดยเฉพาะกลุ่มที่รับประกันภัยแบบเจอ-จ่าย-จบ และไม่ได้ทำการลดความเสี่ยงผ่านการรับประกันภับต่อ แต่เลือกรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมด (สินมั่นคง, ไทยประกันภัย และเดอะวัน ประกันภัย) ขณะเดียวกันกลุ่มที่ส่งความเสี่ยงให้ประกันภัยต่อ จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า (เพราะความเสี่ยงไปอยู่กับผู้รับประกันภัยต่ออย่าง บ.ไทยรี แทน) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เงินกองทุนของบริษัทประกันภัยหลายแห่งลดลงต่ำกว่า 140% และอยู่ในระหว่างผ่อนผัน จากปัญหาการตั้งใจติดโควิดเพื่อเอาเงินประกันจนตัวเลขการเคลมสูงกว่าที่ควรเป็นราว 30-40% ทำให้เราประเมินในการแถลงข่าววันนี้ของคปภ. มีโอกาสที่คปภ. จะยอมให้บริษัทประกันภัยทั้งระบบ ยุติกรมธรรม์แบบเจอ-จ่าย-จบ และเสนอเป็นกรมธรรม์จ่ายเมื่อโคม่า หรือให้ลูกค้ารับผลตอบแทนอื่นแทน ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทประกันที่ไม่ได้ข่ายประกันแบบเจอจ่ายจบ เช่น TIPH
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, BLA, TIPH, THRE (แต่อาจต้องระวังการเคลมประกันโควิด) 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT
ภาพรวมกลยุทธ์: กลับมายืนเหนือ 1,630 จุด ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1,650-1,660 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ //หุ้นแนะนำ: FSMART*, RS*, TIPH*, SFT*
แนวรับ: 1,630 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดิ่งต่ำสุดในรอบ 10 ปี - สู่ระดับ 66.8 ในเดือน พ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.54 จากระดับ 72.8 ในเดือน ก.ย. รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
แบงก์พาณิชย์ไตรมาส 3/64 ยังเข้มแข็ง แม้คุณภาพสินเชื่อตก – ธปท. รายงานผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3/64 กำไรโต 45.1% yoy สินเชื่อโต 5.6% yoy โดยยังคงเข้มแข็ง มีเงินสำรอง สภาพคล่อง และเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง
ตลาดเพิ่มคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยกลางปี 65 หลังเงินเฟ้อพุ่ง - FedWatch Tool เผย นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ค.65 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือน ก.ย.65 โดยนักลงทุน นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปี 2566
ถุงมือยาง - แคนาดาระงับการนำเข้าสินค้าจาก Supermax Corp ผู้ผลิตถุงมือยางจากมาเลเซีย จากประเด็นบังคับใช้แรงงาน
Opportunity day – 15 พ.ย. – TOP, SNNP, SFT, SPRC, TKN, FSMART, GPSC, WHART, ASW, HENG, ALT, SCM / 16 พ.ย. – SNP, AIRA, TASCO, DCC, PTL, SPVI, ORI, III, CHAYO, KWM, HPT, TTA
ประเด็นติดตาม: - 15-19 พ.ย. – Virtual conference ผู้นำสหรัฐฯ-จีน, 15 พ.ย.: TH GDP 3Q21, Chinese retail sales เดือน ต.ค., 16 พ.ย.: EU GDP 3Q21
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)