"ในหัวกรุ๊ป"ทุ่ม500ล้าน แจ้งเกิด "ตลาดไชยทิศ" กรุยทางสู่สมาร์ทมาร์เก็ต

ถือฤกษ์ดี 11 เดือน 11 แจ้งเกิดตลาดไชยทิศ (ไช-ยะ-ทิศ) บริเวณเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน บนพื้นที่ 16 ไร่ ที่มีความทันสมัยและใหญ่ที่สุดย่านฝั่งธนฯ ภายใต้สโลแกน สะดวก สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจสังคม ในคอนเซ็ปต์ “เชฟ ช็อป”

ร.ต.ท. มานัส เติมธนะศํกดิ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหาร บริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารตลาดไชยทิศ กล่าวว่า ศักยภาพของพื้นที่และโอกาสทางธุรกิจ ที่มองว่า“ตลาดยุคใหม่ที่ทันสมัย” สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและผู้บริโภคยุคใหม่ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาตลาดไชยทิศ

"การสร้างตลาดใหม่ในครั้งนี้ ตั้งใจพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างความเจริญในเขตพื้นที่บางกอกน้อย เขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และบริเวณใกล้เคียง ให้ทุกคนสามารถมาค้าขายในตลาดได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชน สามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าของสด ของแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภคได้สะดวก สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจสังคม ซึ่งเป็นสโลแกนที่เรายึดมั่นให้ลูกค้าที่มาใช้บริการต่างๆ ในตลาดไชยทิศแห่งนี้"

ตลาดไชยทิศ ลงทุน500 ล้านบาทรวมกว่า 1,000 แผง เปิดกว้างให้ผู้ค้าส่งค้าปลีกได้ทำมาค้าขายโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ประสบปัญหาการจากเวนคืนพื้นที่ทั้งนี้ ตลาดสด ตลาดนัด เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 02.00-10.00 น. ตลาดกลางคืน เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป อนาคตจะขยายเป็น 24 ชั่วโมง

 

"ตลาดนี้ รองรับพ่อค้าแม่ค้าส่วนหนึ่งจากตลาดค้าส่ง ที่รู้จักกันว่าเป็นพื้นที่อันดับหนึ่งของการค้าส่งของไทยย่านฝั่งธนฯ แต่กำลังจะมีการเวนคืนที่ดิน มีพ่อค้าแม่ค้ากว่า 2,000 แผง เราจึงสร้างตลาดไชยทิศ เพื่อรองรับพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้  ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจของเรา"

นอกจากนี้ ตลาดไชยทิศยังจะทำหน้าที่เป็นตลาดที่สร้างรายได้ให้คนในชุมชนซึ่งเกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา หรือชาวประมง ทั่วทุกภาคสามารถนำผลผลิตมาจำหน่ายในราคาปลีกและราคาส่งเบื้องต้นมีร้านค้าจากเกษตรกรสนใจร่วม 34 ร้านค้า

ตลาดยุคใหม่ที่ทันสมัย ในคอนเซปต์ “สะดวก สะอาด ปลอดภัย และใส่ใจสังคม” ของตลาดไชยทิศ ถูกขยายความต่อถึง“ความสะดวก” คือการคมนาคม จอดรถสะดวกบนพื้นที่กว่า 16 ไร่“สะอาด” ยิ่งในยุคโควิดได้มีการใช้มาตรการของภาครัฐอย่างเข้มข้น พ่อค้าแม่ค้าต้องได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีการสวอปตรวจโควิดตลอดเวลา มีการตรวจคัดกรองผู้เข้ามาใช้บริการ“ปลอดภัย” มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดกว่า 200 ตัวรอบตลาด สุดท้าย“ใส่ใจสังคม” นั่นคือการเป็นศูนย์กลางกระจายพืชผลการเกษตร ผลผลิตต่างๆ สู่มือผู้บริโภคโดยตรง

"เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป อนาคตเราจะทำให้ตลาดนี้ให้เป็นสมาร์ทมาร์เก็ตด้วยการใช้ระบบแอพพลิเคชั่น ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาและก้าวสู่สมาร์ทมาร์เก็ต ภายใน ปี 2565 โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบราคา และสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องเดินทาง"

นอกจากตลาดสดแล้ว ยังมีตลาดกลางคืนที่ให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือ ชาวบ้านย่านนี้ มีโอกาสสร้างรายได้ จากกิจการต่าง ๆ เช่น ขายอาหาร สินค้าและบริการประเภทต่างๆ ต่อยอดจากความเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีแม่เหล็กอย่าง “วัดไชยทิศ” ที่มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย มีหลวงพ่อเพชรที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของผู้คน

ดังนั้น “ตลาดไชยทิศ” จะเป็นแหล่งชอปปิงได้ทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ “ตึกแถว” รองรับพ่อค้าแม่ขาย ไม่ว่าจะเป็นร้านทอง ร้านขายยาร้านอาหาร อุปกรณ์ทำเบเกอรี

เรียกว่าวันสต็อปชอปปิง ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงกุ้ง หอย ปู ปลา เป็ด ได้ ผักสด ผลไม้ ดอกไม้ ครบทุกอย่าง พร้อมบริการต่าง ๆในราคาขายส่ง

สำหรับตลาดค้าส่ง เริ่มตั้งแต่เวลา 02.00 -10.00 น. หลังจากนั้นจะเป็นตลาดค้าปลีก ส่วนตลาดกลางคืน เปิดเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป พื้นที่กว่า 500 ร้านค้า ที่เป็นบรรยากาศกลางคืน มีดนตรีเล่น ท่ามกลางอากาศสบายๆ

ทั้งนี้ ประเดิมบิ๊กอีเวนท์ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร จัดงาน“ส่งเสริมสินค้า เกษตรปลอดภัย ณ ตลาดไชยทิศ” เมื่อวันที่ 11-13 พ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือจากสำนักงานเกษตรจังหวัด 5 จังหวัด กลุ่มเกษตรกรจำกสมาชิกตลาดเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกษตรกรแปลงใหญ่ เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) และกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรต่างๆ ในการนำสินค้ามาจำหน่าย

นับเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรภายใต้โครงการส่งเสริมของกรมส่งเสริมการเกษตร มีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร ได้พบปะกับผู้บริโภคโดยตรง ได้เรียนรู้และเข้าใจหลักการตลาด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเกษตรคุณภาพ เปิดโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรขณะที่ ผู้บริโภคจะได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคา ที่เหมาะสมจากเกษตรกรโดยตรง และช่วยลดปัญหาสินค้า ล้นตลาด หรือราคาตกต่ำ มีเกษตรกรมาร่วมออกร้านจำหน่ายสินค้าผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ พืชผัก ผลไม้ ข้าวสาร และผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร รวม 34 ราย จากจังหวัดนนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ชัยนาท และกรุงเทพมหานคร

เป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ที่เน้นการส่งเสริมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสานเป้าหมายประเทศไทยเป็นครัวของโลก! และขับเคลื่อนนโยบาย“ตลาดนำการเกษตร” นำพาภาคเกษตรไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมนำการเกษตร ส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตร เกิดการสร้างรายได้แก่เกษตรกร

ตลอดจนพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มช่องทางการ ตลาดให้กับเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรในระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) Smart Farmer กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และกลุ่มส่งเสริมการเกษตรต่างๆ โดยเน้นการผลิตสินค้าที่มี ความปลอดภัย มีคุณภาพ และได้รับการรับรองมาตรฐาน มีตลาดรองรับที่หลากหลาย และยั่งยืน หรือ “ตลาดนำการผลิต” ที่จะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความสมดุลทั้งการผลิตและการตลาด นำสู่การยกระดับเป็นสินค้าพรีเมียม พร้อมเข้าสู่ทุกช่องทางการตลาดที่มีศักยภาพ ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ตอบโจทย์ตรงใจต่อความต้องการของผู้บริโภค นำไปสู่การเป็นภาคการเกษตรแบบครบวงจร ที่เกษตรกรสามารถสร้างรายได้ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป