ERW ยังคงมองว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ในระยะต่อไป
ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นในประเทศไทย occupancy ของโรงแรมประเภท non-budget ฟื้นตัวขึ้นเป็น 22% ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน (จาก 10% ใน 3Q64)
ในขณะเดียวกัน โรงแรม HOP INN ยังคง outperform โดย occupancy สูงถึงเกือบ 60% ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จาก 27% ใน 3Q64 (Figure 1) อย่างไรก็ตาม ยอดจองโรงแรมของชาวต่างชาติยังไม่แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 แต่ผู้บริหารคาดว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติชัดเจนกว่านี้ตั้งแต่ 1Q65F เป็นต้นไป โดยสรุปแล้ว เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานใน 4Q64F ของ ERW
จะบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ใน 4Q64F
ในเดือนตุลาคม 2564 ERW ประกาศว่าได้ขายสินทรัพย์ออกไปสองรายการ (มูลค่ารวม 925 ล้านบาท)ได้แก่ i) Renaissance เกาะสมุย (78 ห้อง) และ ii) Ibis สมุย (209 ห้อง) ผู้บริหารคาดว่าดีลนี้น่าจะเสร็จเรียบร้อยภายใน 4Q64 และคาดว่าบริษัทจะสามารนถบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์รายการนี้ได้ใน4Q64 ถึงแม้ว่าดีลนี้จะทำให้ประมาณการ EBITDA ในระยะสั้นของเรามี downside (ไม่ถึง 4%) แต่เราคาดว่าจะทำให้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องในระยะสั้นลดลง และทำให้ ERW มีความพร้อมมากขึ้นในการขยายโรงแรมประเภท budget (HOP INN) หลังจากที่ COVID ผ่านพ้นไปแล้ว
กลับมาเดินหน้าลงทุนอีกครั้ง
หลังจากที่หยุดการลงทุนไปในช่วง 1H64 ERW ทยอยกลับมาเดินหน้างานก่อสร้างโรงแรม HOP INNอีกครั้งตั้งแต่ 3Q64 ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีโรงแรม HOP INN ใหม่แปดแห่งที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จในปี 2565 (หกโรงแรมอยู่ในประเทศไทย และอีกสองโรงแรมอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์)
คาดว่าความเสี่ยงทางการเงินจะยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในระยะกลาง
เราเชื่อว่าความเสี่ยงทางการเงินของ ERW จะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในระยะกลาง เนื่องจาก i) สัดส่วน D/E ใน 3Q64 อยู่ที่ 1.9x (เพดาน debt covenant อยู่ที่ 2.5x) ii) การขายสินทรัพย์ออกไปในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยเสริมเสถียรภาพทางการเงินให้บริษัท iii) มีเงินสดในมือมากพอที่ 1.2 พันล้านบาท (เมื่อสิ้นงวด 3Q64) และยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้ใช้อีก 6.1 พันล้านบาทในขณะที่อัตรา cash burn ต่อเดือนอยู่ที่ 100-200 ล้านบาท
Valuation & Action
เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นในระยะต่อไป เรายังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท อิงจาก EV/EBITDA กลางปี 2566F ที่ 18.3x หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +1.5S.D.
Risks
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าที่คาดไว้ และ COVID-19 ระบาดในประเทศไทย