PTG โชว์รายได้ไตรมาส 3/64 โต 20% “น้ำมัน-นอนออยล์” ฟื้นตัว
“พีทีจี เอ็นเนอยี” โชว์รายได้ไตรมาส 3 ปี 2564 แตะ 30,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% คาดไตรมาส 4 ปี 64 เติบโตต่อเนื่อง หลังเห็นสัญญาณการฟื้นตัว “ธุรกิจน้ำมัน-นอนออยล์” ขานรับมาตรการคลายล็อกดาวน์และเข้าสู่ไฮซีซั่นท่องเที่ยว
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 30,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,270 ล้านบาท หรือ 20.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ธุรกิจน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท ลดลง 448 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 87.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้น 20.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายปลีกน้ำมันต่อลิตรที่สูงขึ้นถึง 34.5% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) เพิ่มขึ้น 1,413 ล้านบาท หรือคิด 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตหลักๆ มาจากธุรกิจ LPG และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ร้านกาแฟพันธุ์ไทย
ขณะที่ ในส่วนกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันลดลงอยู่ที่ 1,106 ล้านลิตร ลดลง 10.3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งลดลงสอดคล้องกับปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศที่ปรับตัวลดลง 20.1% เช่นเดียวกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงและยาวนานขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางระหว่างจังหวัดถูกจำกัด ประกอบกับเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีค่าการตลาดที่ปรับตัวลดลง และบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนสถานีบริการน้ำมัน แก๊ส LPG และสาขาของธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีที่แล้ว จากโครงการ Palm Complex เป็นหลัก จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3 ปี 64 ลดลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทได้ปรับประมาณการการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 1-4% และปรับประมาณการการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ลดลงอยู่ที่ 70% จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทประเมินกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ลดลงที่ระดับ 0 ถึง -5% โดยมองว่าผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเพียงความท้าทายของธุรกิจในระยะสั้น และคาดหวังหากสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีของบริษัทจะสามารถกลับมาเติบโตได้เช่นเดียวกับช่วงเวลาปกติที่ผ่านมา