‘แสนสิริ’จับอินไซต์ลูกค้า ปฏิวัติ‘ดีไซน์-ฟังชั่น’
แม้ว่าดีไซน์จะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่คนตัดสินใจซื้อบ้าน แต่มิได้หมายความว่าไม่สำคัญ! ยิ่งในยุคนี้ทุกคนต้องใช้ชีวิตติดบ้าน
ดีไซน์บ้านที่ตอบโจทย์เวอร์คฟรอมโฮมถือเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดลูกค้าพร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
“นพปฎล พหลโยธิน” ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริเป็นผู้นำบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเป็นหนึ่งแบรนด์ในใจของคนที่อยากมีบ้าน จึงต้องการรักษาความเป็นผู้นำไว้ด้วยการปฏิวัติการออกแบบ ด้วยการรับฟังผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง มีการทำวิจัย ศึกษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็วมาก หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะบ้าน “ไม่ใช่” แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตของทุกคนตามนิยาม แนวคิด “Made for Life เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน” ของแสนสิริ
จากแนวคิดดังกล่าวทำให้จำเป็นต้องเข้าไปค้นหาอินไซต์ลูกค้า (Customer insight) ทั้งทำวิจัยและเข้าไปคุยกับลูกค้าตัวต่อตัวพร้อมเก็บข้อมูลจากฝ่ายขายเพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง โดยเน้น “Customer Centric” ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติการออกแบบที่ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพราะข้อมูลที่ได้มาจากลูกค้า “ไม่ใช่” คนออกแบบอีกต่อไป เท่ากับเป็นการยกระดับการดีไซน์ ผ่านแสนสิริ ดีไซน์ โซลูชั่น ที่สะท้อนผ่านโปรดักส์ดีไซน์ใหม่ออกมา ขณะเดียวกันนั้นยังมีทีมงานฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายเข้ามาร่วมในการออกแบบด้วย เพื่อทำให้ดีไซน์ ฟังก์ชั่นของที่อยู่อาศัยสนองตอบความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ามากที่สุด
โดยในปีนี้ได้มีโครงการใหม่ ที่เปิดตัวแล้วขายหมดไปอย่างรวดเร็วมาก คือ “บูก้าน” (BuGaan)ในย่านโยธินพัฒนา เป็นโครงการบ้านลักชัวรีที่มีจำนวน 14 หลังเพื่อตอบโจทย์กลุ่ม Young Successors ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต สามารถขายหมดภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือน! สะท้อนให้เห็นว่าได้รับการยอมรับจากลูกค้า ซึ่งพลิกแนวคิดจากเดิมที่ว่า คนกลุ่มนี้ต้องการเพนต์เฮาส์ จึงนำเสนอเพนต์เฮาส์ในรูปแบบบ้าน กับสเปซและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานและมีความเป็นส่วนตัว เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ ในเซ็กเมนต์ A และกำลังจะมีโครงการที่สองในทำเล กรุงเทพกรีฑา
อย่างไรก็ตาม แสนสิริไม่ได้ให้น้ำหนักเฉพาะเซ็กเมนต์ A เท่านั้นแต่ยังครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่ A-B-C-D จนถึงมาตรฐาน หรือ เอ็นทรี เลเวล ยกตัวอย่างแบรนด์ “สิริเพลส” เป็นแบรนด์ทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเปิดตัวมา 3-4 ปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจแต่อยากตอบโจทย์ลูกค้าที่นอกเหนือจากฟังก์ชั่น ซึ่งหลังจากที่ได้อินไซต์ของผู้บริโภคเกิดภายใต้แนวคิด “Dream Destination” ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของหลายๆ คนออกมา อาทิ นิวยอร์ก เกียวโต ปารีส อัมสเตอร์ดัม เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในบ้านหลังแรก จองกลุ่มคนที่เริ่มทำงาน อายุ 20 ปีขึ้นไป
“ความโดดเด่นในการดีไซน์เซ็กเมนต์นี้นอกจากแรงบันดาลใจที่ได้มาประยุกต์เข้าทุกส่วนของงานสถาปนิกไม่ใช่แค่ออกแบบผิวเผินทั้งพื้นที่ส่วน กลางตัวบ้าน แลนด์สเคป รวมถึงงานออกแบบต่างๆ และสัญญาลักษณ์ของเมืองนั้นๆ”
สำหรับโครงการแรก “สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์” ได้แรงบันดาลใจมากจากมหานครนิวยอร์ก ส่วนโครงการ ทำเลรังสิต วงแหวนลำลูกกาจะเป็นเกียวโตและต้นปีหน้าจะเป็นธีมปารีส มีจำนวน 2 โครงการทำเลเมกาบางนา และพัฒนาการ และอัมสเตอร์ดัมจำนวน 2 โครงการย่านดอนเมืองและพระราม 2 ซึ่งตอบโจทย์คนตอนนี้ที่ยังไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวไหนได้ง่ายๆ ฉะนั้นเวลาที่คนเห็นภาพโครงการทำให้เกิดความประทับใจเสมือนไปได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในฝัน
นพปฎล ระบุว่า หลังจากสถานการณ์โควิด ทำให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้การออกแบบต้องคำนึงถึงความต้องการใช้สอยพื้นที่ของแต่ละคนในการเรียน ทำงาน ประชุม ฯลฯ ทำให้การออกแบบต้องมีความ “ยืดหยุ่น” มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เกมเมอร์ หรือยูทูปเบอร์จัดรายการ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่แสนสิริสนใจและให้ความสำคัญ
ดังนั้น ในการที่ออกแบบบ้านเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการทำงานควบคู่กัน ในทุกแบรนด์ของแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ อณาสิริ รังสิต เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์ญี่ปุ่น, ฮาบิเทีย ไพรม์ ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ Modern European Style, สราญสิริ ประชาอุทิศ 90 กับแบบบ้าน Modern Farmhouse, เศรษฐสิริ ตอบโจทย์ครอบครัวคนรุ่นใหม่ “Garden Connect” Compound เล็ก ๆ จำนวน 2-4 หลังให้ความสำคัญกับการ “Extra space” ของพื้นที่ดินที่มากขึ้น และ เดมี สาธุ49 เป็นดีลักซ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง
“แนวทางการดีไซน์บ้านจะปรับ (customize)ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มที่เปลี่ยนไปมากขึ้นทุกวัน ในเชิงการตลาดเราพยายามทำแบรนด์ดิ้งให้ชัดเจนเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแต่ละโลเคชั่นแตกต่างกันออกไปเพื่อเลือกฟังก์ชั่นและสินค้าที่ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าได้อย่างเหมาะสม โดนใจ ยิ่งในยุคนี้ลูกค้ามีสินค้าให้เลือกมาก ต่างจากสมัยก่อนที่คิดว่าการซื้อบ้านเหมือนกับซื้อรถไม่พอใจเปลี่ยนได้แต่เดี๋ยวนี้ซื้อเพื่ออยู่ยาว และลูกค้าทำการบ้านมาดีมีข้อมูลเยอะ”