“ศูนย์สิริกิติ์” ยันเปิดบริการ ก.ย.65 “ไมซ์” แห่จองจัดงานถึงปลายปี
“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” เผยความคืบหน้าเนรมิต “ศูนย์ฯสิริกิติ์” โฉมใหม่รุดหน้า 60% ทันกำหนดเปิด ก.ย.65 ชู 5 ไฮไลต์สู่สุดยอดศูนย์ประชุมของไทย ดันจุดขายความยืดหยุ่นรับดีมานด์การจัดอีเวนท์และประชุมทุกรูปแบบ ลุยแข่งขันสู้ศึกอุตสาหกรรมไมซ์ฟื้นหลังเปิดประเทศ
“ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” (Queen Sirikit National Convention Center หรือ QSNCC) หนึ่งในพอร์ตธุรกิจของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” กำลังจะเผยโฉมใหม่ ด้วยมูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท วางฤกษ์เปิดให้บริการเดือน ก.ย.2565 เตรียมเข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในการปลุกความคึกคักแก่อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE: การจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า) หลังเผชิญวิกฤติโควิด-19
ช่วงจังหวะการปิดปรับปรุงศูนย์ฯสิริกิติ์ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.2562 เป็นต้นมา ส่งผลให้ไม่ได้รับผลกระทบเชิงธุรกิจมากนักจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีคำสั่งรัฐประกาศปิดศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเป็นระยะเพื่อสกัดการแพร่ระบาด จะมีบ้างก็เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาซึ่งมีการล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้าง โดยปัจจุบันได้มีการฉีดวัคซีนแก่คนงานที่ไซต์ก่อสร้างรวม 3,500 คนครบ 100% สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าก่อสร้างศูนย์ฯสิริกิติ์แล้วเสร็จทันกำหนดเปิด
หลังมีการประกาศเปิดตัวศูนย์ฯสิริกิติ์เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มศักยภาพของโครงการด้วยการขยายพื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า หรือเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลกว่า 50 สนาม พร้อมรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากกว่า 100,000 คนต่อวัน ตอกย้ำการเป็นศูนย์ประชุมใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
สานต่อตำนานบทใหม่ของศูนย์ฯสิริกิติ์เดิมที่มีความเป็นมากว่า 3 ทศวรรษ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2532 ใช้เวลาก่อสร้าง 20 เดือน และเปิดให้บริการในปี 2534 หลังได้รับโจทย์ใหญ่ให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมของเวิลด์แบงก์ สร้างความภาคภูมิใจแก่ประเทศไทย รวมถึงการจัดงานประชุมและอีเวนท์สำคัญอื่นๆ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติกว่า 20,000 งาน
นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) หรือ FPT กล่าวว่า บริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (NCC) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ให้มาร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์และบริหารงานก่อสร้างโครงการศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่ ด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ FPT ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯชั้นนำหลายแห่ง ตลอดจนเป็นบริษัทฯภายใต้แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับโลกอย่าง “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” จึงการันตีคุณภาพและมาตรฐานความเป็นสากลอย่างเต็มรูปแบบ
“ศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่จะมีความทันสมัยและปลอดภัยสูง รองรับการจัดอีเวนท์ทุกรูปแบบ ตลอดจนงานประชุมสำคัญระดับโลก ด้วยเป้าหมายหมายการเป็นโครงการศูนย์ประชุมระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ของเอเชีย ด้วยคอนเซ็ปต์ สืบสาน รักษา ต่อยอด ในการออกแบบศูนย์ฯสิริกิติ์ให้มีความร่วมสมัย”
++ ก่อสร้างคืบหน้า 60% ทันเปิด ก.ย.65
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดมาก และมีความท้าทายในการเสริมศักยภาพโครงการด้วยการเพิ่มชั้นใต้ดินกว่า 45% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด สำหรับเป็นพื้นที่รีเทลและอาคารจอดรถได้มากถึง 3,000 คัน นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคจากการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมาร่วม 60 วัน แต่บริษัทฯยังคงสามารถรักษาไทม์ไลน์การก่อสร้างได้ตามแผน โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 60%
“ด้วยการบริหารงานเชิงรุกและวางแผนอย่างรอบคอบ พร้อมกับการร่วมมือกันระหว่างทีมงานมืออาชีพที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถเอาชนะกับทุกความท้าทายได้ด้วยดี บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาและส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากลเพื่อให้ทันกับกำหนดการเปิดให้บริการเดือน ก.ย.2565 อย่างแน่นอน โดยจะทยอยส่งมอบพื้นที่ตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 จากนั้นจะมีการเริ่มทดสอบและอบรมการเข้าใช้พื้นที่ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2565 ก่อนเปิดให้บริการ”
++ เพิ่ม 5 ไฮไลต์ก้าวสู่สุดยอดศูนย์ประชุม
ทั้งนี้บริษัทฯได้เพิ่มไฮไลต์ 5 อย่างเพื่อสร้างความแตกต่างและความเป็นสุดยอดศูนย์ประชุมที่ดีที่สุดในประเทศไทยมาใช้ในการพัฒนาโครงการ สอดคล้องกับเป้าหมายของศูนย์ฯสิริกิติ์สู่การเป็น “The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All”
ไฮไลต์แรกคือ Accessibility การเข้าถึงอย่างสะดวกสบาย เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองบนถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อแยกพระราม 4-รัชดา สามารถเข้าออกได้จาก 4 ถนนสำคัญของกรุงเทพฯ ได้แก่ ถ.พระราม 4 ถ.สุขุมวิท ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.ดวงพิทักษ์ นอกจากนี้ยังเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตรงถึงภายในศูนย์ฯสิริกิติ์ ตามด้วย Safety ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐานการดำเนินงานระดับสากล พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยด้าน Life Safety เพื่อรองรับการจัดงานระดับโลกทุกรูปแบบ
Technology วางระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สุดในประเทศไทยรองรับได้ถึงอนาคต (6G) มั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนการจัดอีเวนท์รูปแบบออนไลน์และไฮบริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถอำนวยความสะดวกการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้จัดงานและผู้เข้าชมได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบเข้าใช้งานพื้นที่แบบไร้สัมผัส (Touchless Access) และใช้ระบบบริหารอาคารอัจฉริยะในการควบคุมการให้บริการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด
++ ชูความยืดหยุ่นสูงเจาะอีเวนท์ทุกรูปแบบ
Flexibility มีความยืดหยุ่นสูงในการรองรับความต้องการด้านอีเวนท์และงานประชุมทุกรูปแบบ ด้วยพื้นที่รองรับการจัดงานมากถึง 78,500 ตารางเมตร มีฮอลล์ขนาดใหญ่ 2 ฮอลล์ ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 2 ห้อง และห้องประชุมกว่า 50 ห้องที่สามารถรองรับการจัดงานบนพื้นที่ตั้งแต่ขนาด 30-1,000 ตารางเมตร โดยทางศูนย์ฯสิริกิติ์ได้มีการลงทุนด้านนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการจัดงานรูปแบบไฮบริดและออนไลน์หลายร้อยล้านบาท ตอบโจทย์การเป็น “อีเวนท์ แพลตฟอร์ม ฟอร์ ออล” (Event Platform for All) ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายในโครงการด้วยพื้นที่รีเทลขนาด 10,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอคทีฟไลฟ์สไตล์ใหม่ของกรุงเทพฯ
และ Sustainability การสร้างความยั่งยืน โดยเป็นศูนย์ประชุมแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียว LEED ระดับ Silver ที่มีการวางแผนการพัฒนาตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 25% และวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้มากกว่า 75% การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์โดยรอบโครงการ และใช้อุปกรณ์อัตโนมัติเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์ประชุมแห่งเดียวที่ห้อมล้อมด้วยสวนป่าเบญจกิติ พื้นที่สีเขียวผืนใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ
++ ยันไม่สร้าง รร.ใหม่เพิ่มในโครงการฯ
นายวิทวัส กล่าวเพิ่มเติมว่า จะไม่มีการสร้างโรงแรมใหม่ในโครงการศูนย์ฯสิริกิติ์ เพราะได้ขยายเต็มพื้นที่แล้ว ประกอบกับมีโรงแรมต่างๆ ตั้งรายล้อมศูนย์ฯสิริกิติ์ให้บริการเต็มไปหมด รองรับความต้องการเข้าพักของผู้มาร่วมงานไมซ์ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์
สำหรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ เชื่อว่าการจัดงานประชุมแบบออนกราวนด์แบบเจอหน้ากันจะฟื้นตัวกลับมาแน่นอน ทาง NCC เองก็มั่นใจเช่นนั้น โดยหลังจากรัฐบาลดำเนินการเปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 รับทราบมาว่าศูนย์ฯสิริกิติ์มียอดการจองพื้นที่จัดงานไมซ์ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 แล้ว