แกว่งตัวหลังแรงส่งช่วงสั้นเริ่มชะลอ

แกว่งตัวหลังแรงส่งช่วงสั้นเริ่มชะลอ

ค่าเงินสหรัฐฯ ผลตอบแทนพันธบัตร กดดันบรรยากาศลงทุนระยะสั้น สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก ต.ค.เติบโต +1.7% สูงกว่าคาดการณ์ที่ +1.4% และสูงสุดในรอบ 7 เดือน

แม้เป็นบวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่ความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อ ทำให้ระยะสั้นการเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อาจกดดันต่อบรรยากาศลงทุนหุ้นเอเซีย ขณะที่ระยะสั้นตลาดไร้ปัจจัยบวกใหม่หลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 สำหรับปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลกระทบได้แก่ การติดตามการเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ จะยังเป็นเจอโรม พาวเวลล์ หรือจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้บรรยากาศลงทุนระยะสั้นผันผวนได้

 

กลุ่มปลอดภัยกับเปิดเมืองคาดถูกเก็งกำไรสลับ เราไม่กังวลกับสถานการณ์ระบาดของโควิดในยุโรปมากนัก แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงใกล้เคียงจุดสูงสุดในการระบาดรอบก่อน แต่อัตราการเสียชีวิตของประเทศทั่วไปอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยมีเพียงรัสเซีย ที่อัตราการเสียชีวิตทำจุดสูงสุดใหม่ และเรายังเชื่อในธีมเปิดเมือง อย่างไรก็ตามคาดหุ้นปลอดภัย (อาทิ สื่อสาร กองรีทส์ พลังงานทดแทน สาธารณูปโภค) อาจมีบทบาทช่วยประคองตลาดสลับกับในจังหวะที่หุ้นเปิดเมืองมีแรงทำกำไร จากการที่หุ้นจำนวนมากในกลุ่มนี้ยังฟื้นตัวน้อยกว่าภาพรวมตลาด ทำให้นักลงทุนยังมีการถือครองที่ต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนปันผลในหุ้นหลายตัวมีความจูงใจ ซึ่งหุ้นที่นักลงทุนอาจเลือกพิจารณาได้แก่ ADVANC, DTAC, WHAUP, SUPER, EASTW, WHART, FTREIT เป็นต้น
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงิน ที่เกี่ยวกับการบริโภค อาทิ NCAP, SAK, TK

ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวมยังเป็นการแกว่งตัวเพิ่อขึ้นทดสอบ 1,650-1,660 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ ระยะสั้นมีโอกาสเห็นการหมุนมายังสื่อสาร และหุ้นที่เพิ่ง IPO เข้ามาไม่นาน //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, RS*, EA*, ONEE*

แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน
 

JMT – ร่วมทุน KBANK จัดตั้ง “บริษัทบริหารสินทรัพย์” ขนาดใหญ่ สัดส่วนถือหุ้น 65-75% ต่อ 25-35% ยื่นขออนุญาตกับ ธปท.แล้ว หากดีลจบเดินหน้าร่วมทุนกับอีก 2 แบงก์ใหญ่ต้นปีหน้าต่อทันที

CHAYO – เผยอยู่ระหว่างดีลสถาบันการเงินรายใหญ่ จ่อซื้อหนี้ตุนพอร์ตกว่า 6 พันล้านบาท คาดไม่เกินปลายปีได้ข้อสรุป วางเป้ารายได้ 3 ปี โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20-25% 

AOT – คาดการณ์ต่างชาติเที่ยวไทยมากขึ้นในครึ่งหลังปี 65 พร้อมคาดปริมาณเที่ยวบินรวม 483,695 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารรวม 62.13 ล้านคน ขณะที่รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศรับจากการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 1119``เร่งประชุมผู้เช่าสรุปแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมก่อนเสนอบอร์ดในเดือน พ.ย.

Opportunity day – 17 พ.ย. – TPBI, SABINA, ERW, WPH, BBIK, CPN+GLAND, SMT, CPNREIT+CPNCG, TRUE, PSL, PLANB, MINT, DOHOME, 18 พ.ย. – PSH, BAM, IRPC, SKN, JWD, PROSPECT, BGC, NRF, RS, FORTH, RBF, PROUD / 19 พ.ย. – TFM, TCMC, JUBILE, ALLY, NVD, VCOM, TU, HANA, UAC, HUMAN

ประเด็นติดตาม: -   19 พ.ย. – US: การเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)