PLANB แนวโน้มดูสดใสมากขึ้นใน 4Q64 (17 พ.ย. 64)
คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป หลังจากที่ขาดทุนสุทธิ 54 ล้านบาทใน 3Q64 เราคาดว่าผลประกอบการของ PLANB จะดีขึ้น QoQ ใน4Q64
เนื่องจาก i) คาดรายได้จากสื่อนอกบ้าน (Out Of Home-OOH) จะเพิ่มขึ้น เพราะอัตราการใช้สื่อเริ่มเพิ่มขึ้นเป็น 40% แล้วในช่วงเดือนตุลาคม 2564 – ต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 จาก 34% ใน 3Q64หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ในขณะที่คาดอัตราการใช้สื่อจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงปลายพฤศจิกายน 2564 -ธันวาคม 2564 ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงจากการแข่งขันโอลิมปิกที่จบไปแล้ว ii) คาดต้นทุนจะลดลง หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปซื้อป้ายโฆษณาส่วนใหญ่ของ บมจ. มาสเตอร์ แอด(MACO.BK/MACO TB) ซึ่งจะช่วยลดค่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องจ่ายให้ MACO จาก 700 ล้านบาท/ปีเหลือ 250 ล้านบาท/ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรไม่น่าจะเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากฐานกำไรสูงใน 4Q63
จะมีรายได้ใหม่ๆเข้ามาในปี 2565
PLANB ตั้งเป้าจะสร้างการเติบโตของกำไรจากทั้งธุรกิจ OOH และ engagement marketing โดยในส่วนของ OOH ทางบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนจอโฆษณาดิจิทัลในร้าน 7-Eleven จาก 2,000 สาขาในปี 2564 เป็น 3,000 สาขาในปี 2565 สำหรับธุรกิจ engagement marketing บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ด้วยการรุกเข้าไปยังการจัดกิจกรรมกีฬาอื่นๆ โดยเฉพาะการต่อสู้ (ชกมวย) และ การจัดงานวิ่ง อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมกีฬาดังกล่าวยังต้องรอให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมจากภาครัฐก่อน โดยเฉพาะการเปิดให้เข้าชมการแข่งขันชกมวยในสนามมวย และการที่คนจำนวนมากจะมารวมตัวกันในการจัดงานวิ่ง
คงประมาณการกำไรปี 2564-65 เอาไว้ตามเดิม
เรายังคงประมาณการกำไรหลักในปีนี้เอาไว้ที่ 88 ล้านบาท (-37% YoY) และปี 2565F ที่ 973 ล้านบาท (+992% YoY) เนื่องจาก i) กำไรปีนี้มี downside น้อย เพราะคาดว่าผลประกอบการจากธุรกิจหลักจะพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป และ ii) คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นจากสื่อ OOH ตามความสามารถในการให้บริการที่สูงขึ้น และอัตราการใช้สื่อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเข้าไปซื้อป้ายโฆษณาส่วนใหญ่ของ MACO ซึ่งจะช่วยลดค่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องจ่ายลงไป
Valuation and action
เราคงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 8.55 บาท (PER ที่ 37.2 เท่า -0.5 S.D.) และคงคำแนะนำซื้อ PLANB จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในปี 2565 เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม และ upside จากการลงทุนใหม่ ๆ ในปี 2565 หลังการเพิ่มทุนใน 4Q64
Risks
ยอดโฆษณาฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้