หุ้นกลุ่มพลังงานกดตลาด (18 พฤศจิกายน 2564)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวบวกเล็กน้อย จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน เช่น BAY, TTB, KBANK และ SAWAD, KTC, TIDLOR หลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มการเงินอยู่ในโซนล่างมาสักพัก
ในภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,644.60 จุด +0.59 จุด +0.04% มูลค่าการซื้อขาย 83,424 ลบ.ต่างชาติ -1,351.63 ลบ. TFEX -19,297 สัญญา ตราสารหนี้ -1,142.41 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐ มีแนวโน้มจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ยารักษาโรคโควิด-19 ขั้นทดลองของไฟเซอร์ 10 ล้านคอร์สสัปดาห์นี้
+ สหรัฐเตรียมแผนลงทุนครั้งใหญ่วงเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อขยายกำลังการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างน้อย 1 พันล้านโดสภายใน 2H65
+ จนท.ระดับสูงเรียกร้องสหรัฐ-จีนร่วมมือ หวังเปิดประเทศหลังโอลิมปิกฤดูหนาวปีหน้า
+ รมว.ดีอีเอส มั่นใจเศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตถึง 30% ของจีดีพีภายในปี 73
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,901 ราย ATK 2,106 ราย มีผู้เสียชีวิต 55 ราย รักษาหาย 7,556 ราย
ปัจจัยลบ
-ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 211.17 จุด -0.58% กังวลว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นบริษัทวีซ่า อิงค์
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.40 ดอลลาร์ -3% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และการที่กลุ่มโอเปคและ IEA ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
- สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.520 ล้านยูนิต สวนทางที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.576 ล้านยูนิต จากระดับ 1.530 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนดีดตัวขึ้น 0.8%MoM ในเดือนต.ค. ดัชนีพุ่งขึ้น 4.1%YoY สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้กว่า 2 เท่า
- รัฐสภาลงมติคว่ำร่างแก้ไขรธน.ฉบับประชาชนตามคาด ด้วยคะแนน 473 ต่อ 206
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนยังกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอาจทำให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,635-1,650 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
• หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH
• MSCI Global Small Cap Indexes หุ้นเข้า BEC TIPH TIDLOR หุ้นออก TKN
• การ Transformation ในหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB KBANK BBL BAY
หุ้นรายงานพิเศษ
JTS "มุมมองบวกต่อธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์"
•บริษัทรายงานรายได้และกำไรงวด 3Q64 เท่ากับ 498 ลบ. +10%YoY +14%QoQ และ 103 ลบ. +39%YoY +28%QoQ เติบโตตามธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม (สัดส่วน 84%) ประกอบกับบริษัทเพิ่งเริ่มรับรู้รายได้ในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ (สัดส่วน 1%)
•บริษัทปรับกลยุทธ์ใหม่ มองธุรกิจ Crypto Currency เป็นโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะ Bitcoin ที่เป็นสกุลหลัก ล่าสุดบริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ในช่วง 3Q64 มีจำนวนเครื่องขุด 110 เครื่อง ความเร็วในการขุดต่อเครื่อง 100 TH/s รายได้ต่อเครื่องราว 0.2046 BTC/Years หรือราว 4.37 แสนบาท/เครื่อง (1 BTC = 2,133,064 THB) ต้นทุนในการขุดราว 2.34 แสนบาท/ปี หรือคิดเป็น %GPM = 46% โดยในช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. นี้ จะมีเครื่องขุดเข้ามาเพิ่มอีก 215 และ 200 เครื่องตามลำดับ และในปี 65 มีแผนลงทุนเครื่องขุดอีก 1,200 เครื่องซึ่งคาดจะเริ่มมีรายได้ในช่วง 2Q65
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ที่ปัจจุบันหลายประเทศให้การยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถใช้ซื้อขายสินค้าได้ตามปกติ และมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มอีกในอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์ JTS ที่หันไปเน้นการเติบโตในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ อย่างไรก็ดี ธุรกิจดังกล่าวมีความเสี่ยงในแง่ของความผันผวนของราคา BTC และ Supplier ผู้จำหน่ายเครื่องขุดเหรียญซึ่งมีอยู่น้อยราย ผู้เล่นรายใหม่สามารถเข้าตลาดได้ง่าย รวมทั้งไม่เกาะกระแส ESG เห็นได้จากทางการจีนสั่งหยุดทำเหมืองเพราะกินไฟ
หุ้นมีข่าว
(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 55.63 บาท) รุกลงทุนเวียดนามเต็มสูบ ล่าสุดปิดดีลซื้อหุ้น 80% "Huong Hoa Holding Joint Stock Company" เข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังผลิต 48 เมกะวัตต์ หลังก่อนหน้านี้เข้าลงทุนโรงไฟฟ้า ในเวียดนามแล้วกว่า 257 เมกะวัตต์ ชูความพร้อมเข้าเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการพลังงานทดแทนหลักที่สำคัญภายใต้แผนพัฒนาพลังงานของเวียดนาม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WICE (Bloomberg Consensus 18.00 บาท) วางเกมใช้รถไฟความเร็วสูงลาว-จีนขนส่ง เซฟต้นทุน 10% เจรจาแล้วเริ่มปีหน้า ดันมาร์จิ้นสูงขึ้น รับดีลจีนอื้อ สนใช้ไทยเป็นฐานส่งออกเลี่ยงสงครามการค้า ขยายคลังสินค้าอีก 3 หมื่นตร.ม. สู่เป้าแสน ตร.ม. ปี 2567 เร่งขยายตลาดจีน-เวียดนามปูทางโต เดินหน้าขยายไม่หยุด วาง 200 ล้านบาท เทกโอเวอร์(ที่มา ทันหุ้น)
(+) PLANB (Bloomberg Consensus 7.10 บาท) “แพลนบี” ชงผู้ถือหุ้น 19 พ.ย.นี้ อนุมัติซื้อทรัพย์สิน MACO พร้อมขออนุมัติออกหุ้นเพิ่มทุน-วอร์แรนต์เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม คาดได้เงินระดมทุนกว่า 1,550 ล้านบาท เล็งนำไปซื้อทรัพย์สิน MACO 500 ล้านบาท และที่เหลือราว 1,000 ล้านบาท เตรียมลงทุนขยายสื่อนอกบ้านและ E-Sport ประเมินผลงานไตรมาส 4/64 ดีกว่าไตรมาสก่อน หลังรัฐบาลเปิดประเทศ โควิด-19 คลี่คลาย (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) DOHOME (Bloomberg Consensus 33.50 บาท) กางแผนปี 2565 ตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ-อัตรากำไรขั้นต้น ลุยเพิ่มสัดส่วนรายได้สินค้าเฮาส์แบรนด์เป็น 20% จากปี 2563 อยู่ที่ 17% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสาขาไม่ต่ำกว่า 5 สาขาต่อปี ในทำเลหัวเมืองใหญ่ คาดชน 36 สาขาตามเป้าหมายในปี 2568 ด้านโบรกคาดกำไร Q4/2564 ปรับตัวดีขึ้น จาก SSSG แข็งแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)