ILO เผยผลวิจัยจ้างงานธุรกิจท่องเที่ยว ‘ไทย’ ค่าจ้างลด 9.6%

ILO เผยผลวิจัยจ้างงานธุรกิจท่องเที่ยว ‘ไทย’ ค่าจ้างลด 9.6%

ILO เผยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกสั่นคลอนจากการว่างงาน ชี้ข้อมูล 5 ชาติเอเชียรวมไทย พบแรงงานตกงาน 1.6 ล้านคน การจ้างงานปีหน้ายังต่ำกว่าก่อนวิกฤติ

งานวิจัยล่าสุดของ International Labour Organization (ILO) พบว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการจ้างงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก

ข้อมูลจาก 5 ประเทศ ได้แก่ บูรไน ดารุสซาลาม มองโกเลีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม พบว่าคนตกงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในปี 2563 มีจำนวนสูงกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ถึง 4 เท่า

เกือบ 1 ใน 3 ของตำแหน่งงานทั้งหมดที่เสียไปมาจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมีการประเมินว่าเฉพาะในบรรดา 5 ประเทศดังกล่าวมีคนตกงานถึง 1.6 ล้านคน และด้วยงานจำนวนมากที่เกี่ยวข้องทางอ้อมกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว ตัวเลขการประมาณที่แท้จริงของผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจการท่องท่องในภูมิภาคนี้น่าจะมีจำนวนที่สูงกว่านี้มาก

“ผลกระทบของการระบาดใหญ่โควิด-19 ต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในเอเชียและแปซิฟิกไม่ต่างอะไรจากหายนะ ถึงแม้ว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคจะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเป็นอย่างมากและออกแบบยุทธศาสตร์ เพื่อค่อยๆ เปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่แนวโน้มที่งานและชั่วโมงการทำงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกในปีหน้าจะยังคงต่ำกว่าตัวเลขช่วงก่อนวิกฤต” ชิโฮโกะ อาซาดะ-มิยากาวา ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่และผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก กล่าว

โดยงานวิจัยบ่งชี้ว่า งานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวลดลงเล็กน้อย แต่คุณภาพของงานกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะแรงงานหญิงที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการเพิ่มขึ้นของแรงงานหญิงในภาคบริการอาหารและเครื่องดื่ม

การสูญเสียชั่วโมงการทำงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวสูงกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เคยคาดการไว้มาก โดยขนาดของชั่วโมงการทำงานที่ลดลงมีขนาดใหญ่กว่าภาคธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว 2 ถึง 7 เท่า การสูญเสียชั่วโมงการทำงานในปี 2563 ของภาคส่วนนี้ มีตั้งแต่ 4% ในเวียดนาม ถึง 38% ในฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ เนื่องจากงานในระบบในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวลดลง แรงงานได้ย้ายเข้าสู่งานนอกระบบเพิ่มขึ้น

แม้ว่าจะมีการเปิดพรมแดนอีกครั้ง มีการคาดการว่า ในระยะสั้น การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงไม่มาก จากมุมมองนี้ รัฐบาลในประเทศต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการสร้างโอกาสในการจ้างงานในภาคธุรกิจที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว

“ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังคงหยุดนิ่งและด้วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตมากที่สุด การระบาดใหญ่ได้ชวนให้เรา ‘คิดทบทวนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวระยะกลางและระยะยาวใหม่’ ด้วยเหตุนี้ วิกฤตจึงนำมาซึ่งโอกาสในการเชื่อมภาคธุรกิจท่องเที่ยวสู่อนาคตที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากขึ้น” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ไอแอลโอ และผู้เขียนหลักของงานวิจัยฉบับนี้ ซาร่า เอลเดอร์ กล่าว

“การฟื้นตัวจะใช้เวลาพอสมควร แรงงานและธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจะยังคงต้องการความช่วยเหลือเพื่อทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปและเพื่อคงไว้ซึ่งสินทรัพย์ต่างๆ  รัฐบาลควรดำเนินมาตรการการช่วยเหลือต่อไป ในขณะเดียวกันก็ควรมุ่งมั่นเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรผู้มีถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศทั้งหมดทุกกลุ่ม รวมถึงแรงงานข้ามชาติ” ซาร่า กล่าวเพิ่มเติม

ผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจและแรงงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในระดับประเทศในฟิลิปปินส์ มีคนตกงานและชั่วโมงการทำงานลดลงโดยเฉลี่ยในปี 2563 สูงที่สุดในบรรดาประเทศต่างๆ ในเอเชียและแปซิฟิก การจ้างงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวหดตัวลง 28% (เมื่อเปรียบเทียบกับการหดตัว 8% ในภาคธุรกิจอื่น) และชั่วโมงการทำงานโดยเฉลี่ยที่ 38% สำหรับแรงงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ชั่วโมงทำงานเป็นศูนย์ต่อสัปดาห์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 เท่า (ส่งผลกระทบต่อแรงงานจำนวน 775,000 คน)

ในเวียดนาม ผลกระทบเลวร้ายของวิกฤตที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวหลักๆ คือการลดลงของค่าจ้างและการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานที่ไม่เป็นทางการ ค่าจ้างในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยลดลงเกือบ 18% โดยลูกจ้างที่เป็นหญิงได้รับค่าจ้างลดลงเกือบ 23% ในขณะที่จำนวนของลูกจ้างนอกระบบในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ในปี 2563 ลูกจ้างในระบบกลับมีจำนวนลดลง 11%

ผลกระทบของวิกฤตต่อการจ้างงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยบรรเทาเบาบางขึ้น แต่การหดตัวของค่าจ้างและชั่วโมงการทำงานรุนแรงมาก และงานต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยวหดตัวลง ขณะที่งานในภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ค่าจ้างโดยเฉลี่ยในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวลดลงโดยรวม 9.5% อันเนื่องจากแรงงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปทำงานที่มีค่าจ้างต่ำกว่า เช่น กิจการบริการอาหารและเครื่องดื่ม ชั่วโมงการทำงานโดยเฉลี่ยลดลง 10% ตัวเลขการจ้างงานในไตรมาสเรกของปี 2564 ต่ำกว่าช่วงก่อนวิกฤตในทุกธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ยกเว้นกิจการบริการอาหารและเครื่องดื่ม

ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในบรูไน ดารุสซาลาม ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งในแง่ของการจ้างงานที่ลดต่ำลงและชั่วโมงการทำงานโดยเฉลี่ยที่มีจำนวนน้อยลง ซึ่งหดตัวลงมากกว่า 40% และเกือบ 21% ตามลำดับ บรูไนยังเป็นประเทศที่มีความแตกต่างมากที่สุดระหว่างการเลิกจ้างในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

ทำนองเดียวกัน ในมองโกเลีย การจ้างงานในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและชั่วโมงการทำงานโดยเฉลี่ยประสบปัญหาอย่างมากจากการระบาดใหญ่และหดตัวเกือบ 17% และมากกว่า 13% ตามลำดับ ผลกระทบจากการจ้างงานในกลุ่มแรงงานชายในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างมาก โดยลดลงประมาณ 29%