สุดเฮิร์ต! ‘ธรรศพลฐ์’ บิ๊กไทยแอร์เอเชีย ตัดสินใจเอาพนักงานออกเป็นครั้งแรก
“โจ-ธรรศพลฐ์” บิ๊กบอสแห่ง “ไทยแอร์เอเชีย” ไลฟ์สดคุยกับพนักงาน ชี้แจงการตัดสินใจครั้งสำคัญ จำเป็นต้องเอาพนักงานออกเป็นครั้งแรก! หลังยื้อรักษาการจ้างงานสู้โควิด-19 ร่วม 2 ปี เผยจำเป็นต้องลดบุคลากรสอดรับกับจำนวนฝูงบิน ให้พนักงานออก 350 คน จากปัจจุบันมีอยู่ 5,000 คน
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายธรรศพลฐ์ เเบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด หรือ TAA และนายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV และ TAA ร่วมกันไลฟ์สดพูดคุยกับพนักงาน ชี้แจงเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องตัดสินใจเอาพนักงานออกเป็นครั้งแรก!
หลังจากพยายามรักษาการจ้างงานมานานร่วม 2 ปีที่วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสายการบินอย่างหนักหนาสาหัส
“กรุงเทพธุรกิจ” ถอดคำชี้แจงของ นายธรรศพลฐ์ ซึ่งกล่าวในไลฟ์ฯดังกล่าวไว้ว่า...
สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะบินต่างประเทศ เรายังต้องจ่ายค่าเช่า ซึ่งวันนี้เราได้มีการต่อรองเรื่องการจ่ายค่าเช่ากับซัพพลายเออร์ทุกเจ้า กับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เราหลายๆ ธนาคาร ก็ได้มีการขอผ่อนผันไป แม้ว่าบริษัทจะมีงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท (Balance Sheet) ที่แข็งแรงขึ้น แต่อนาคตยังไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นการที่จะต้องหยุดงาน...ยังคงมีต่อ การที่จะต้องเฟอร์โลว์ (Furlough : เป็นวิธีการให้พนักงานแอคทีฟตามจำนวนเครื่องบินที่ใช้งาน)...ยังคงมีต่อ จนกระทั่งเรากลับมาทำการบินได้ในระดับหนึ่ง เราถึงจะยกเลิก
ถามว่าคำว่า “ระดับหนึ่ง” นั้นนานแค่ไหน ผมบอกเลยว่ายังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะกลับมาทำการบินต่างประเทศได้มากขึ้นแค่ไหน และมีรายได้เข้ามามากน้อยขนาดไหน
“สิ่งที่จะพูดนี้ เป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดเลย แต่อย่างที่บอกว่าเราอยู่บนพื้นฐานความจริง เราจำเป็นที่จะต้องคืนเครื่องบินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางคุณสันติสุข (ซีอีโอ AAV และ TAA) กำลังสรุปอยู่ว่าจะต้องคืนกี่ลำ จำนวน “เครื่องบินที่คืน” จะเป็นการ “คืนอย่างถาวร” นั่นหมายถึงว่าจะต้องมีพนักงานจำนวนหนึ่งที่เราจะต้องให้ออกจากการเป็นพนักงานบริษัท โดยให้ทางฝ่ายบุคคลเป็นผู้พิจารณา และอะไรที่เราช่วยได้ เราจะช่วยเต็มที่”
เราคงจะอยู่ด้วยจำนวนเครื่องบินที่น้อยลงไปอย่างน้อยๆ 1-2 ปีจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และถ้าเรามีความต้องการเครื่องบินเพิ่ม มีความต้องการในการบินเพิ่ม เราถึงจะค่อยสั่งเครื่องบินเข้ามาใหม่ และทยอยรับคนเข้ามาใหม่
"ถ้าเราไม่คืนเครื่องบิน ต่อให้เรามีกระแสเงินสดใหม่เข้ามา เราก็แบกไม่ไหว มันจะพังกันหมด เราจึงจำเป็นที่จะต้องตัดเครื่องบินและพนักงานบางส่วนออก"
ถ้าเราทำตรงนี้แล้ว ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ทยอยดีขึ้น โดยคิดว่าเราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ส่วนพนักงานที่ยังอยู่ แน่นอนว่าจะมีการหมุนเวียน (Rotate) กันเข้ามาทำงาน มีการทำเฟอร์โลว์ต่อ และในเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นในทุกๆ 2-3 เดือน เราจะมีการประเมิน โดยเราจะพยายามขยับเงินเดือนที่เราจ่ายเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะรับจริง ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ไตรมาส เราก็จะคอยดูจุดนี้
แต่ถ้าธุรกิจกลับมาเร็ว เราก็จะปรับกลับให้มาอยู่ที่เดิมให้เร็วที่สุด ไม่อยากที่จะให้พนักงานรับเงินเหมือนอย่างปัจจุบันไปตลอด เพราะผมเข้าใจว่าเป็นเวลา 2 ปีแล้วนับตั้งแต่เจอวิกฤติโควิด-19 เป็นเรื่องค่อนข้างหนัก ถ้าเราเปิดประเทศได้อีกสักนิดหนึ่ง เราจะพยายามขยับขึ้นทีละ 5% , 10% หรือ 15% แล้วแต่สถานการณ์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมกับคุณสันติสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ และรู้สึกได้ถึงความเดือดร้อนของทุกคน
และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา หวังว่าวันประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 26 พ.ย.2564 ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี และทุกอย่างจะค่อยๆ ทยอยกลับมา
มีคนถามว่า...แล้วคุณโจคิดว่าสถานการณ์การบินจะเป็นอย่างไรบ้าง? ผมมองว่าตลาดการบินในประเทศจะกลับมาได้ 100% ก็ประมาณกลางปี 2565 ส่วนตลาดการบินระหว่างประเทศน่าจะกลับมา 20-30% กลางปีหน้า จนถึงปลายปีหน้าถ้าฟื้นได้สัก 50-60% ผมก็ว่าเก่งแล้ว แล้วในปี 2566 ค่อยมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
...
“กรุงเทพธุรกิจ” ต่อสายโทรศัพท์ถึง นายธรรศพลฐ์ เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีลดจำนวนพนักงาน ได้รับคำตอบว่า...
“เรื่องของเรื่องคือ...เดิมไทยแอร์เอเชียคาดการณ์ว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศน่าจะฟื้นตัวได้ราวเดือน ม.ค. หรือ ก.พ.2565 แต่ดูจากแนวโน้มสถานการณ์แล้ว ท่าจะยาว จำเป็นต้องคืนเครื่องบินไป 6 ลำภายในปีนี้ จากที่มีอยู่ 60 ลำ จะเหลือ 54 ลำ จึงจำเป็นต้องให้พนักงานส่วนที่เกี่ยวกับ 6 ลำนั้นออกจากการเป็นพนักงาน เพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนเครื่องบินที่เหลืออยู่ 54 ลำ และเก็บพนักงานส่วนใหญ่ไว้ โดยจำเป็นต้องให้พนักงานออก 350 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานอยู่ 5,000 คน”
“ในช่วงที่ธุรกิจของไทยแอร์เอเชียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19 เราได้ดูแลพนักงานมาร่วม 2 ปี แต่วันนี้มันต้องตัดแล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว”
“สำหรับการให้พนักงานบางส่วน 350 คนออกจากการเป็นพนักงานนั้น จะมีการเปิดรับคนที่ยื่นสมัครใจลาออกก่อน ส่วนพนักงานที่ไม่ได้ยื่นสมัครใจลาออก เราก็จะพิจารณาจากผลการทำงาน (Performance) ของแต่ละคน โดยให้ฝ่ายบุคคลไปดูตรงนี้” นายธรรศพลฐ์กล่าว