สื่อสาร (TRUE และ DTAC) อาจขึ้นชนเพดานซื้อขาย??
มีโอกาสเห็นการเก็งกำไร TRUE-DTAC ขึ้นไปเกิน 5.09 และ 47.79 บาท บอร์ด TRUE-DTAC อนุมัติศึกษาควบรวม และรับทราบการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะมีผลให้เกิดการตรสจสอบกิจการ (Due diligence) ของทั้งคู่
โดยมีการกำหนอัตราแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ที่ 1 TRUE: 2.40072 MergeCo และ 1 DTAC: 24.53775 MergeCo ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนได้เสียของบริษัทใหม่มาจาก TRUE 57.94% และ DTAC 42.06% (ใกล้เคียงกับขนาดของทั้งคู่ เทียบจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 59.61% และ 40.39%) นอกจากนี้ปัจจัยบวกที่อาจผลักดันราคามาจาก Citrine (บริษัทร่วมทุนระหลายรูปหว่าง CP Holding และ Telenor Asia) ประกาศจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TRUE และ DTAC ที่ราคา 5.09 และ 47.76 บาท ซึ่งเราประเมินส่วนนี้เป็นการเปิดช่องให้ Strategic partner เดิม หรือ ผู้ถือหุ้นที่อาจค้านการควบรวม (อาทิ China Mobile, บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ, ประกันสังคม) ได้มีช่องทางในการ Exit ขณะที่ในเชิงเก็งกำไร ราคาเสนอซื้อ (Tender offer price) ดังกล่าว อาจทำหน้าที่เป็นราคาพื้น (Floor price) ในการเก็งกำไรถึงมูลค่าของบริษัทที่ควบรวม (MergeCo) ที่ยังคงต่ำกว่า Market cap ของ AIS อยู่ราว 140%
ตลาดคาด ตัวเลขส่งออก ต.ค. + 15.50% YoY นำเข้าโต +30.50% เกินดุล 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกต.ค.วันนี้ คาดตัวเลขเกี่ยวกับยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ โดยรวมยังมีการเติบโตที่ดี (บวกต่อการเก็งกำไร AH, SAT และอิเล็กทรอนิกส์) ขณะที่ควรติดตามการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าเกษตร หรืออุตสาหกรรมเกษตร อาทิ ถุงมือยาง, ยางรถยนต์ ที่อาจกระทบต่อจิตวิทยาการเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง (STA, STGT, NER) ได้
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE
ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวม SET Index แกว่งตัว 1,635-1,660 จุด วันนี้อาจขึ้นแรงจากแรงเก็งกำไร TRUE-DTAC ที่อาจปรับตัวขึ้นเกิน tender offer price อาจตามเก็งกำไรได้หากราคาเปิดไม่ห่าง 5.09 หรือ 47.76 บาท (อาจผันผวนเพราะยังอยู่ในช่วงศึกษา) นอกนั้นเน้นเก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ หุ้นที่มีการถือครองน้อยแลหุ้นที่เพิ่ง IPO เข้ามาไม่นาน หลายตัวยังน่าสนใจ //หุ้นแนะนำ: DTAC*, ONEE*, IFS*, SAMART*
แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
กกพ.ขึ้นค่าเอฟทีครั้งแรกในรอบ 2 ปี – กกพ. เคาะ ปรับขึ้นค่าเอฟทีปี 65 แบบขั้นบันได ประจำงวด ม.ค. - เม.ย. 65 ที่ 16.71 สตางค์ รับภาวะราคาพลังงานขาขึ้น หลังตรึงค่าเอฟทีรับมือโควิด-19 นานกว่า 2 ปี ยืนยันยังมุ่งดูแลเสถียรภาพราคาพลังงาน หนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
FTSE Rebalancing - การปรับหุ้นตามดัชนี FTSE รอบนี้ ไม่มีหุ้นเข้าออกในดัชนี Large Cap และ Mid Cap ขณะที่ดัชนี Small Cap มีหุ้นเข้าคำนวณ 1 ตัว ได้แก่ TIDLOR ส่วนดัชนี Micro Cap มีหุ้นเข้า 7 ตัว ได้แก่ AMR, ASW, DMT, GROREIT, INETREIT, NSL, SNNP วันที่การเปลี่ยนแปลงมีผล (Effective date) จันทร์ที่ 20 ธ.ค.64 (เปลี่ยนแปลง ณ สิ้นวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค.64)
Opportunity day – 22 พ.ย. – VL, EA, CPANEL, SELIC, EPG, BA, NCAP / 23 พ.ย. – PTTGC, ITEL, KTC, ILINK, KISS, SEAFCO, AGE, L&E, SICT, PYLON, BCP / / 23 พ.ย. – PTTGC, ITEL, KTC, ILINK, KISS, SEAFCO, AGE, L&E, SICT, PYLON, BCP / 24 พ.ย. – META, LHK, CRD, WHAUP, ARROW, MOONG, SMD, WHA, PM, GULF, PL, ILM /
ประเด็นติดตาม: - 23 พ.ย.: US manufacturing PMI เดือน พ.ย. / 30 พ.ย. – MSCI Rebalancing Effective date / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)