‘SHARGE’ จุดพลุธุรกิจ EV Charging ปูพรมเปิดกว่า 1,200 หัวชาร์จทั่วประเทศปี 65
ชาร์จ แมเนจเม้นท์ ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรชั้นนำของประเทศ “บางจาก - สยามฟิวเจอร์ - กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว - พันธมิตรกลุ่มค้าปลีก” นำร่องด้วยการผนึกกำลังค่ายรถยนต์ปอร์เช่ ร่วมพัฒนาสถานี การันตีมาตรฐานรองรับซูเปอร์คาร์
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจชาร์จ EV จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย ซึ่ง SHARGE คาดการณ์ว่าภายในปี 2574 จะเติบโตขึ้น 10 เท่า เนื่องจากภาครัฐเข้ามาสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เรื่องมาตรการส่งเสริมการนำเข้า EV จากต่างประเทศซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยมีราคาที่ถูกลงมาก
จึงมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญให้ผู้ใช้รถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดความต้องการใช้ EV มากขึ้นธุรกิจเกี่ยวกับการชาร์จ EV ก็เติบโตควบคู่กันไป จะเกิดการลงทุนพัฒนาสถานีชาร์จมากขึ้น ทั้งหมดนี้จะสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 ที่จะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ เป็น EV ทั้งหมด
จากแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย SHARGE จึงได้ตั้งเป้าในการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งกระแสสลับ (AC Charging) และกระแสตรง (DC Charging) เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 200 สถานี หรือราว 1,200 หัวชาร์จ
นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 6 สถานีภายใน ธ.ค.นี้ โดยเมื่อรวมกับแผนการเปิดสถานีเพิ่มเติมในปี 2565 จะส่งผลทำให้ SHARGE มีสถานีให้บริการถึง 213 สถานีหรือกว่า 1,200 หัวจ่ายได้ภายในปีหน้า
โดยล่าสุดได้จับมือกับพันธมิตร 4 กลุ่มใหญ่ เพื่อเพิ่มขอบเขตบริการไปสู่การเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อให้บริการครอบคลุมไปสู่ผู้ใช้ EV ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยพันธมิตรที่เข้ามาร่วมมือในขณะนี้มาจากองค์กรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในด้านทำเลที่ผู้ใช้ EV เข้าถึงง่าย ครอบคลุมทำเลศักยภาพ สนับสนุนธุรกิจให้เกิดการบริการที่ดีที่สุดสร้าง EV Charging Ecosystem อย่างครบด้าน และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วย
1. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นของ SHARGE ที่จะมาร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV ชาร์จเร็ว (High Power Charging Station) ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ในทำเลกรุงเทพ โดยเฉพาะในย่านใจกลางธุรกิจ ถ.สุขุมวิท ถ.พัฒนาการ และ ถ.ศรีนครินทร์ โดยสถานีแรกที่จะพัฒนาร่วมกันจะอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมันบากจาก ซ.สุขุมวิท 62 ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564 นี้
2. พันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว กลุ่มผู้ประกอบการในหัวเมืองต่างๆเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่จะร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station ในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยขณะนี้มีสถานีให้บริการแล้วที่โรงแรมThe Standard หัวหิน เป็นสถานีนำร่อง
3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือคอมมูนิตีมอลล์และแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำกระจายอยู่ในทำเลศักยภาพ ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์จะเป็นการชาร์จแบบปกติ ให้บริการที่ เจ อเวนิว ทองหล่อ, เอกมัย พาวเวอร์เซ็นเตอร์, ลา วิลล่า อารีย์ และ มาร์เก็ตเพลสกรุงเทพกรีฑา ซึ่งทุกทำเลถือว่ามีศักยภาพสูงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มาช็อปปิ้งหรือรับประทานอาหารที่ปกติจะใช้เวลาตามแหล่งไลฟ์สไตล์เหล่านี้มากกว่า 1 ชั่วโมงโดยจำนวนสถานีร่วมที่กับสยามฟิวเจอร์จะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.นี้ ทุกสถานี
4. กลุ่มพันธมิตรห้างค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มนี้จะให้บริการสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าในใจกลางเมืองที่ต้องการที่ชาร์จขณะเดินช็อปปิ้งให้ครอบคลุมมากขึ้น
ซึ่งสถานีของ SHARGE ในหลายทำเลเป็นสถานีที่พัฒนาร่วมกับค่ายรถยนต์ปอร์เช่ (บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิสจำกัด) ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีของค่ายรถยนต์ชั้นนำนี้ถือเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของสถานีชาร์จที่สามารถรองรับการชาร์จสปอร์ตคาร์ของทางปอร์เช่ และค่ายอื่นๆได้เป็นอย่างดี
รวมถึงเป็นการการันตีลูกค้าของปอร์เช่ที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีการให้บริการหลักยังคงเน้นลูกค้ากลุ่ม NIGHT ที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จตามที่พักอาศัย เพราะถือเป็นกลุ่มใหญ่สุดที่จะมีความต้องการชาร์จไฟฟ้าเนื่องจากเป็นการให้บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันที่มักจะชาร์จไฟฟ้าขณะที่จอดรถไว้ที่พักอาศัยในช่วงกลางคืน
ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างระบบนิเวศเพื่อช่วยกันผลักดันการใช้ EV ของไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการช่วยให้ผู้ใช้ EV เข้าถึงที่ชาร์จได้เพียงพอถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันให้ EV เติบโตซึ่งจะส่งผลดีต่อการสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
สำหรับการเปิดบริการสถานีบริการของ SHARGE จะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการให้บริการสถานีแบบ High Power Charging Station ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จต่ำสุด 10 นาที ถือเป็นการให้บริการที่เร็วที่สุดในประเทศไทย
จากปัจจุบันที่ SHARGE มีสถานีบริการที่มีกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ และใช้เวลาชาร์จต่ำสุด 25 นาที นอกจากนี้ยังให้บริการด้านการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น SHARGE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับการใช้งานชาร์จ EV ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และครอบคลุมทุกสถานีการให้บริการที่ทุกแบรนด์สามารถใช้งานร่วมกันได้
โดยสามารถจองหัวชาร์จล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง โดยมีค่าจอง 20 บาท และค่าจองนี้สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าในการชาร์จได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลของสถานีชาร์จแต่ละแห่งว่ารถที่กำลังชาร์จอยู่แต่ละคันจะชาร์จเสร็จในช่วงเวลาไหนเพื่อให้ผู้ใช้งานคันต่อไปสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น