บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดขายกองหุ้นดัชนีทั่วโลก “SCBWORLD” IPO 24 – 29 พ.ย. นี้
บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดขายกองหุ้นดัชนีทั่วโลก “SCBWORLD” IPO 24 – 29 พ.ย. นี้ มองโอกาสสร้างผลตอบแทนตามดัชนี MSCI World ในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เห็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนตามดัชนี MSCI World จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ดัชนีหุ้นโลก (SCB World Equity Index : SCBWORLD) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 24 – 29 พ.ย. 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ทั้งนี้ ได้เปิดให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน 2 รูปแบบ ได้แก่ ชนิดสะสมมูลค่า – SCBWORLD(A) และชนิดกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว – SCBWORLD(SSF) โดยสามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย
“ดัชนี MSCI World เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่และกลางของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกองทุน SCBWORLD ได้มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI World มากที่สุด ประกอบกับมีการกระจายลงทุนในกลุ่มประเทศดังกล่าวถึง 23 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และแคนาดา จึงนับว่าเป็นการกระจายการลงทุนที่ครอบคลุมในหลายประเทศที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ นอกจากนี้ กองทุนนี้ยังจัดเป็นกองทุนประเภท ETF มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง และมีTracking error ต่ำที่สุดในกลุ่ม ETFs ที่อิงกับดัชนี MSCI World จึงเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนระยะกลางถึงและระยะยาวในการสร้างผลตอบแทนได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน”
กองทุน SCBWORLD เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares MSCI World ETF (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE Arca) ประเทศสหรัฐฯ บริหารงานภายใต้ความดูแลของ BlackRock Fund Advisors มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI World Index มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI World Index ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI World ซึ่งเป็นดัชนีประกอบไปด้วยหุ้นขนาดใหญ่และกลางของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วโดยมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีดังกล่าว โดยจะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และกลางของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจำนวน 23 ประเทศ โดยเลือกลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น Apple, JPMORGAN CHASE & CO, AMAZON COM INC, JOHNSON & JOHNSON และ UNION PACIFIC CORP เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเลือกลงทุนหุ้นบางตัวที่เป็นตัวแทนของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (Representative Sampling Indexing Strategy) ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 12.52% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 39.24% เทียบกับดัชนีอ้างอิง MSCI World อยู่ที่ 12.31% และ 39.04% ตามลำดับ (ที่มา: Master fund's website ณ วันที่ 30 กันยายน 2564)