US futures บวกแรง ช่วยหนุนบรรยากาศการเก็งกำไรระยะสั้น
ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 50 ปี ที่ระดับ 1.99 แสนราย ขณะที่รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE index ที่ 4.1% ตามคาด
ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับสูงขึ้น และเป็นลบต่อกลุ่มสินทรัพย์ anti-yields เช่น หุ้น ทองคำ รวมถึง cryptocurrencies เมื่อคืนนี้ จากความกังวลที่เฟดอาจยกระดับความเข้มงวดทางการเงินเร็วกว่าคาด ประกอบกับแรงขายลดน้ำหนักในหุ้นก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของสหรัฐฯ วันที่ 25-26 พ.ย. (Thanksgiving Day) อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวเริ่มดูดีขึ้นเช้านี้จากตลาด US futures ที่ฟื้นแรง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ย่อตัวลง
ราคาน้ำมันทรงตัวในแดนบวกจากคาดการณ์กลุ่มโอเปกอาจส่งสัญญาณชะลอแผนเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อตอบโต้มาตรการระบายน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร. ซึ่งคาดเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์และพลังงานต่อในช่วงสั้น แต่หากมองไปในกรอบ 6 เดือน น้ำหนักการลงทุนจะเริ่มเปลี่ยนจากปิโตรเคมีและพลังงานต้นน้ำ ไปยังโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน ที่มีลักษณะของผลการดำเนินงานอิงการฟื้นตัวของการเปิดเมืองและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น // ขณะที่ถ่านหิน ยังน่าจะได้ประโยชน์จากอุปทานที่จำกัด และมีโอกาสฟื้นตัวหลังความเสี่ยงเชิงนโยบายของจีนเริ่มนิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา // หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ BANPU, PTG, OR
ไม่แนะนำไล่ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์ จากราคาระยะสั้นที่ตอบสนองปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว เราให้น้ำหนักการหมุนของเงินลงทุนเข้ากลุ่มหุ้นที่ราคายัง laggards, พื้นฐานดี, และได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ อาทิ ธนาคาร, ค้าปลีก, รับเหมาฯ, โรงแรม, นิคมฯ, ขนส่ง โดยเราเชื่อว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะ outperform ตลาดในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW
ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวม SET Index ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยเป็นการแกว่งตัว 1,635-1,660 จุด ยังเน้นเก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ หุ้นที่มีการถือครองน้อยแลหุ้นที่เพิ่ง IPO เข้ามาไม่นาน หลายตัวยังน่าสนใจ ขณะที่ระวังสื่อสารอาจชะลอหลัง ADVANC ปรับขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ //หุ้นแนะนำ: BANPU, ONEE*, TKN*, AMR*
แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
โอเปคไม่มีแผนระงับเพิ่มการผลิตน้ำมันตอบโต้สหรัฐ – โอเปคพลัสประกาศว่ายังไม่มีการหารือกันเกี่ยวกับการระงับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแต่อย่างใด ทั้งนี้ จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนม.ค.2565
กบง.ปรับสูตรเหลือแค่ B7 - กบง.มีมติปรับสูตรดีเซลเหลือแค่ B7 สูตรเดียว ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงเหลือไม่เกินลิตรละ 28 บาท เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.นี้ เป็นเวลา 4 เดือน
เลื่อนใช้ราคาที่ดินใหม่ บังคับใช้ม.ค.66 – กรมธนารักษ์ประกาศเลื่อนใช้ราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใหม่ไปเป็นปี 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ ขณะที่เร่งปรับขึ้นค่าเช่าที่ราชพัสดุตามใบสั่งคลัง เพิ่มรายได้ปี 65 ให้ได้ตามเป้า 8.8 พันลบ.
Opportunity day –25 พ.ย. – SPCG, GFPT, SHR, PTT, ASP, CV, SGP, IND, BPP, IIG, BANPU, CPALL, EKH, S / 26 พ.ย. – KEX, SHREIT, TVD, STECH, GUNKUL, TQR, CRC, UREKA, PTG, NCL, AS, SECURE, JKN, BH
ประเด็นติดตาม: - 28 พ.ย. – เลือกตั้งท้องถื่น / 30 พ.ย. – MSCI Rebalancing Effective date / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)