กลุ่ม ปตท. เข้าทำสัญญาร่วมทุนท่าเรือแหลมฉบัง 3 หมื่นล้าน
กลุ่มปตท. ลงนามเข้าร่วมลงทุน PPP ท่าเรือแหลมฉบัง 3 หมื่นล้านบาท คาดก่อสร้าง 2566 แล้วเสร็จเพื่อดำเนินการเชิงพาณิชย์ 2568 รองรับระบบโลจิสติกส์
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้ง การร่วมทุนเพื่อประกอบกิจการท่าเทียบเรือโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนของ ท่าเทียบเรือ F วันที่ 25 พ.ย.2564 บริษัทย่อยเข้าทําสัญญาร่วมลงทุน PPP ระยะเวลา 35 ปีกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าการลงทุนร่วมกันในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างหน้าท่าจํานวน 30,871ล้านบาท
หลังคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่าง สัญญารวมลงทุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) สําหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564
ทั้งนี้คาดว่าท่าเรือ F1 จะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 และจะดําเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 สําหรับท่าเรือ F2 จะเริ่มก่อสร้าง ได้ในปี 2570 และดําเนินการเชิงพาณิชย์ปีผ่านทาง บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จํากัด ( PTT Tank)
PTT ถือหุ้นร้อยละ100 ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ GULF และ CHEC OVERSEA INFRASTRUCTURE HOLDING PTE. LTD (CHEC OVERSEA) ในนาม บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จํากัด (GPC) ซึ่ง PTT Tank ถือหุ้นร้อยละ 30 CHEC OVERSEA ถือหุ้นร้อยละ 30 และ GULFถือหุ้นร้อยละ 40 เพื่อประกอบกิจการท่าเรือ การบริการจอดเทียบบรรทุกขนถ่ายสินค้าแก่เรือเดินทะเล
รวมถึงคลังสินค้าสําหรับการขนส่งคอนเทนเนอร์ได้อย่างน้อย 4,000,000 ทีอียูต่อปี (ทีอียู คือ เทียบเท่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต) ซึ่งการลงทุนดังกล่าวสามารถรองรับการขนถ่ายตู้สินค้า ผู้ผ่านท่าเรือแหลมฉบังซึ่งมีแนวโนมเพิ่มขึ้น และเป็นการทําธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของ ปตท. ในการขยายธุรกิจด้าน Logistics & Infrastructure และ เป็นการสนับสนุนการเติบโตของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ