ปตท.คาดราคาน้ำมันปี65 อยู่ที่ 67–75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กลุ่ม ปตท.และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. “ประสานพลัง สร้างโลกที่ดีกว่า” ร่วมถ่ายทอดทิศทางพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมคาดการณ์ราคาน้ำมันปี65 อยู่ที่ 67–75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลปรับตัวสูงกว่าปีนี้ จับตากลุ่มโอเปกต่อเนื่อง
ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Expert) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2565 อยู่ที่ 67–75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจากปี 2564 เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจเกิดการกลายพันธุ์และกลับมาระบาดอีกครั้ง รวมถึงอุปทานในตลาดที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ 2021 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Global Climate Action for A Better World–ประสานพลัง สร้างโลกที่ดีกว่า” ซึ่งทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของ กลุ่ม ปตท.หรือ PRISM Expert ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 เพื่อนำเสนอทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมพลังงาน กระแสของพลังงานในอนาคต และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ประชาคมโลกต่างจับตามอง
นายอรรถพล เปิดเผยว่า ปี 2021 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมพลังงานยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความต้องการการใช้น้ำมันที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการควบคุมการระบาดของโควิด-19 รวมถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกร่วมตั้งเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ที่อาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้พลังงานทั่วโลก และความต้องการการใช้น้ำมันที่ไม่แน่นอนนี้ ทำให้ผู้ผลิตฯ บางส่วนยังคงชะลอการผลิตและการลงทุน ส่งผลให้อุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ด้วยสภาพอากาศร้อนจัดและหนาวจัดที่เกิดในหลายประเทศ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความผันผวนของราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมา
ในขณะที่ การประชุม COP26 ของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา ปรากฏให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของนานาชาติในการร่วมกันกำหนดทิศทางประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้การเพิ่มอุณหภูมิของโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสในปี 2050 กลุ่ม ปตท.พร้อมเป็นส่วนสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ พร้อมจัดหาพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อรักษาสมดุลและความมั่นคงทางด้านพลังงานให้ไทยบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี2065 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เผยถึงว่า งานสัมมนา “2021 The Annual Petroleum Outlook Forum” ในปีนี้เป็นการครบรอบ 10 ปี ของ The Annual Petroleum Outlook Forum ที่เกิดจากความร่วมมือของ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมในประเทศไทย กับ บริษัทกลุ่ม ปตท. เพื่อนำเสนอทิศทางราคาน้ำมันและแนวโน้มพลังงานของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 นี้ โลกเรายังได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แต่ละประเทศต่างก็มีการรับมือและรูปแบบฟื้นตัวที่แตกต่างออกไป ความต้องการปริมาณพลังงานที่เริ่มกลับมาตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว และมีปัจจัยที่ท้าทาย ที่ส่งผลต่อราคาและทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงาน คือ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรป หรือ จีน หันมาตั้งเป้าหมายและกำหนดนโยบาย ที่ช่วยแก้ปัญหา Climate Change
สำหรับ การสัมมนาในปีนี้ “Global Climate Action for A Better World … ประสานพลัง สร้างโลกที่ดีกว่า” ก็เป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นความท้าทายครั้งใหม่ รวมถึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันได้”
สำหรับการจัดงาน The Annual Petroleum Outlook Forum ดำเนินการต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2555 โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หรือ “PRISM Expert” จากบริษัทในกลุ่ม ปตท. นำเสนอข้อมูลการวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานอย่างเป็นประจำ