แม่ทัพใหม่"ห้างเซ็นทรัล"ลั่นดันธุรกิจโต2เท่าใน5ปี

ปรับทัพยกเครื่องธุรกิจเป็นระลอก! สำหรับทุนค้าปลีกไทยยักษ์ใหญ่ "กลุ่มเซ็นทรัล" ใส่เกียร์เร่งเครื่องรุกตลาดทันทีหลังไทยคลายล็อกเปิดประเทศ โดยแม่ทัพใหม่ โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน ประกาศแผนยุทธศาสตร์ในงาน Central / Robinson 2022 Vision & Strategy “Bring Legacy to Sustainable Growth” มุ่งยกระดับห้างไทยสู่ “Global Standard” กรุยทางห้างแห่งอนาคต พร้อมผลักดันยอดขายพุ่ง 2 เท่า ภาย ใน 5 ปีข้างหน้า 

"เราพร้อมพุ่งทะยานสู่ห้างแห่งอนาคต และเป็นห้างสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง โดย 5 ปีจากนี้ (2564-2569) ยอดขายจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่า 2 เท่า"

เป็นเป้าหมายของ ซีอีโอใหม่ โอลิวิเยร์ บรง ผู้มากด้วยประสบการณ์ในแวดวงห้างสรรพสินค้าหรูระดับโลก เคยร่วมงานกับ “Galeries Lafayette” ห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ BHV Group ในฐานะ International Network & Strategy Director ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็น Chief Operating Officer ก่อนหน้านั้นเป็นเวลา 12 ปี ร่วมงานกับ Bain & Company ที่ปรึกษาและกลยุทธ์ชั้นนำเบอร์ต้นของโลก เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของสายงานสินค้าค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภคใน 4 ประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการชอปปิงอีกครั้ง สอดรับแผนขับเคลื่อนธุรกิจของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน มุ่งสร้างสีสันให้ตลาดค้าปลีกช่วงไฮซีซัน ด้วยความพร้อมของออมนิชาแนล การจัดกิจกรรมการตลาด โปรโมชั่น พร้อมเดินหน้าปรับโฉมห้าง และเปิดบริการสาขาใหม่ต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ที่จะนำทางธุรกิจห้างเซ็นทรัลและโรบินสันพุ่งทะยาน! และเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องจากรากฐานที่่มั่นคงมาตลอด 74 ปีของห้างเซ็นทรัล และ 42 ปีของห้างโรบินสัน 

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน กำหนด 6 กลยุทธ์การดำเนินงานหลัก

กลยุทธ์แรก เริ่มด้วยการเลือกสรรสินค้าและบริการที่ดีที่สุด สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ โดยจะมีการนำเข้าแบรนด์ใหม่เพื่อสร้างความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ส่งเสริมให้ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันเป็นเดสทิเนชั่นในการชอปปิงของลูกค้าทุกแผนก

กลยุทธ์ที่สอง จะใช้งบกว่า 5,000 ล้านบาทในการปรับปรุงและขยายสาขา สร้างความแข็งแกร่งและให้ห้างมีความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในโลเคชั่นนั้นๆ ย้ำการเป็นศูนย์กลางให้ชุมชน (Centrality) วางแผนปรับปรุงห้างในปี 2565 ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม ปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ นอกจากนี้ปรับปรุงห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว และ พระราม 2  ปรับปรุงห้างโรบินสัน ฉะเชิงเทรา, ศรีสมาน รวมถึงห้างโรบินสันในศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ในจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 

กลยุทธ์ที่สาม มุ่งสู่ห้างสรรพสินค้าออมนิชาแนลอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผสานโลกออฟไลน์ หรือในห้าง และโลกออนไลน์หรือหน้าเว็บและแอพพลิเคชัน อย่างไร้รอยต่อ 

“ใน 5 ปีจากนี้จะใช้งบลงทุนทางด้านเทคโนโลยีกว่า 3,000 ล้านบาท พัฒนา CENTRAL APP สู่การเป็น Super App ที่มีบริการต่างๆ จากห้างเซ็นทรัลครบจบในแอพเดียว เสมือนยกทั้งห้างมาไว้บนมือถือ พร้อมเพิ่มประสบการณ์การชอปปิง เข้าถึงไลฟ์สไตล์ความต้องการส่วนบุคคลมากขึ้น”

รวมถึงพัฒนาบริการในโซเชียลคอมเมิร์ซ  ไม่ว่าจะเป็น Chat & Shop ชอปปิงผ่านไลน์ เฟซบุ๊ก ไลฟ์ และ อินบ็อกซ์ รวมถึง Personal Shopper On Demand 1425 บริการโทรชอปปิงกับผู้ช่วยช้อปส่วนตัว พร้อมนำนวัตกรรมใหม่มายกระดับความเป็นผู้นำออมนิชาแนลในกลุ่มตลาดพรีเมียม เช่น บริการ e-Ordering เลือกช้อปที่ห้างในจุดเดียว เริ่ม เซ็นทรัลสีลม คอมเพล็กซ์ ปลายปีนี้ เป็นแห่งแรก และ Central TV Live ช่องไลฟ์สไตล์สำหรับสายช้อปทางยูทูบและเฟซบุ๊ก

กลยุทธ์ที่สี่ ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น นำเสนอผ่านการตลาดที่แตกต่าง เหนือกว่า ตอบสนองได้ดีกว่า ทั้งการสร้างสรรค์อีเวนท์ ซิกเนเจอร์ระดับประเทศ และในท้องถิ่น การทำคอนเทนท์ที่น่าติดตามในโซเชียลมีเดียของห้าง การสื่อสารด้วยสื่อโฆษณาทั้งภายในและภายนอกห้าง การมีกระบอกเสียงผ่านอินฟลูเอนเซอร์ในระดับประเทศและท้องถิ่น

กลยุทธ์ที่ห้า สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า ต้องไม่มีคำว่า “ไม่” สำหรับลูกค้า

กลยุทธ์ที่หก มัดใจลูกค้าด้วยดาต้า โดยออกแบบแคมเปญซีอาร์เอ็มให้เข้าถึงและตรงกลุ่มเป้าหมายจากความได้เปรียบของฐานข้อมูล The1 ที่มีสมาชิกกว่า 18 ล้านราย! สามารถวิเคราะห์และนำเสนอโปรโมชั่นพร้อมสิทธิประโยชน์ที่โดนใจลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวผ่านการสื่อสารที่ไม่ซับซ้อนเพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับอย่างชัดเจน

การมุ่งหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กลยุทธ์ "ออมนิชาแนล" สร้างความแข็งแกร่งและแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน สะท้อนจากการก้าวข้ามห้วงเวลาแห่งความท้าทายจากวิกฤติโควิด ด้วยยอดขายของออมนิชาแนลเติบโต 120% ยอดดาวน์โหลด Central App กว่า 4 ล้านครั้ง สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 70% ขณะที่ โซเชียลคอมเมิร์ซ ยอดขายเพิ่มขึ้น 100% Personal Shopper โทร 1425 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,000 คน ยอดขายเติบโต 300%

ในโค้งสุดท้ายนี้นอกจากการตลาดเชิงรุกกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ยังมีการพลิกโฉมการออกแบบโซน Beauty Galerie, แผนกโฮม, My Little World  เร็วๆ นี้ พบกับศูนย์รวมร้านอาหารระดับมิชลิน ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว รวมทั้งการเปิดห้างสาขาใหม่ และรีโนเวทห้างให้ทันสมัย อาทิ ห้างโรบินสัน อยุธยา เปิดบริการ 30 พ.ย.นี้  ห้างโรบินสัน ศรีราชา วันที่ 3 ธ.ค. ห้างเซ็นทรัลขอนแก่น สนามชอปปิงแห่งใหม่ของอีสาน เปิดวันที่ 7 ธ.ค. และ ห้างโรบินสันรังสิต พื้นที่ศักยภาพย่านชานเมือง แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้

กิจการ “ห้างสรรพสินค้า” ถือเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีก มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,641 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.2564) นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล 

ธุรกิจของ "เซ็นทรัล รีเทล" ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มแฟชั่น เน้นสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ภายใต้ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) และรีนาเชนเต (Rinascente) 2.กลุ่มฮาร์ดไลน์ เน้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ภายใต้ ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, และเมพ (e-book) 3.กลุ่มฟู้ด เน้นสินค้าของสดและของใช้บริโภคในครัวเรือน ภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท และ 4.กลุ่มพร้อพเพอร์ตี้ เน้นให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกแก่บุคคลภายนอกและร้านค้าในเครือ ภายใต้ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ท็อปส์ พลาซ่า และบิ๊กซี/โก! โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564

เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 56 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 39 จังหวัด, และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.2564) เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,641 ร้านค้า ครอบคลุมโมเดลธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล 

ทั้งนี้ "เวียดนาม" เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง  และ "อิตาลี" คลุมเมืองท่องเที่ยวหลักต่างๆ 

แน่นอนว่ามืออาชีพทางด้านห้างหรูที่เข้ามากุมบังเหียน“เรือธง” ของเซ็นทรัลเป็นการเสริมแกร่งเตรียมความพร้อมรองรับการขยายอาณาจักรกว้างไกลทั้งในไทยและต่างประเทศ