รากหญ้าโอดปิดหัวลำโพงไร้ที่ทำมาหากิน

จากแผนการปรับขบวนรถไฟที่เข้า-ออกหัวลำโพง ย้ายไปสถานีกลางบางซื่อแทน และจะนำพื้นที่ย่านหัวลำโพงไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจผู้ค้า รถรับจ้าง ในหัวลำโพงบอกว่าหากปิดหัวลำโพงจะได้รับกระทบอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งทำมาหากิน ขณะที่การรถไฟฯ ยืนยันจะไม่มีการทุบหรือรื้อสถานีหัวลำโพงหรือปิดให้บริการ พร้อมเปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ระบุว่า จะปรับเปลี่ยนสถานีรถไฟต้นทางและปลายทางเป็น สถานีกลางบางซื่อ แทน หัวลำโพงภายใน 2564 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรให้เป็นรูปธรรม แก้จุดตัดรางรถไฟกับถนน และนำพื้นที่ย่านหัวลำโพงทั้งหมดมาพัฒนาปรับปรุง พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ และแหล่งเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ บนเนื้อที่ 121 ไร่ จัดสรรพื้นที่ทั้งแนวราบและแนวสูงใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย แก้ปัญหาหนี้สินและขาดทุน

โดยการรถไฟฯ จะหยุดให้บริการเดินรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง และจะให้บริการสถานีสุดท้ายที่สถานีกลางบางซื่อแทน ส่งผลให้ขบวนรถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกล จำนวน 155 ขบวน ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ลดการเดินรถเข้าสถานีหัวลำโพงเหลือ 22 ขบวนต่อวัน เป็นรถไฟชานเมืองสายเหนือ สายอีสาน สายตะวันออก สายใต้ ซึ่งมีประชาชนใช้บริการในช่วงเช้าและเย็นจำนวนมาก เพื่อลดผลกระทบ ส่วนขบวนรถทางไกลเชิงพาณิชย์จะย้ายไปใช้สถานีกลางบางซื่อทั้งหมด

ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการร้านค้า คนขับรถโดยสารรับจ้างในหัวลำโพงบอกว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะปิดหัวลำโพงจริงหรือไม่ แต่หากปิดจริงจะได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากเป็นแหล่งทำมาหากิน ส่วนการจะปรับปรุงเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือพิพิธภัณฑ์มองว่าไม่เหมาะสม อยากให้อนุรักษ์ไว้เพราะเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์

ขณะที่ล่าสุดจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลกับการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือ หัวลำโพง การรถไฟฯ ยืนยันจะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างหรือปิดให้บริการ โดยการรถไฟฯ จะเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

สำหรับแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ การรถไฟฯ ได้ตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เพื่อบริหารที่ดินของการการรถไฟฯ ทุกแปลง โดยจากการประเมินรายได้ระยะเวลา 30 ปี จะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท ในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่องที่ประมาณ 150,000 ล้านบาท – 160,000 ล้านบาท 

ทีมข่าวเนชั่นทีวี รายงาน