“ttb business one” โมบายแอปพลิเคชัน อาวุธใหม่ช่วยธุรกิจ SME ควบคุมเรื่องธุรกิจได้ในมือคุณ

ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ภาค “ธนาคาร” มีบทบาทสำคัญมากในการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤติที่ยังคงอยู่ รวมไปถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่อง “ภาระหนี้” ในช่วงที่รายได้ลดลง นอกจากช่วยให้ลูกหนี้ “ตัวเบา” ในด้านภาระหนี้แล้ว ธนาคารก็ต้องทำหน้าที่ช่วยต่อยอดให้ลูกค้าธุรกิจ โดยเฉพาะ SME บริหารธุรกิจได้อย่างคล่องตัวในยุคดิจิทัลด้วย

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เป็นธนาคารที่มุ่งมั่นมาโดยตลอดในการสนับสนุนให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น และให้ลูกค้าธุรกิจเติบโตได้ในทุกสถานการณ์ ผ่านการยกระดับเครื่องมือดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจของลูกค้าให้ดีขึ้น

รัชกร ชยาภิรัต หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารนวัตกรรมทางดิจิทัลลูกค้าธุรกิจ ttb กล่าวว่า ประสบการณ์ลูกค้าเป็นเรื่องที่ธนาคารให้ความสำคัญมาโดยตลอด เราจึงมีการพัฒนาบริการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปลายปี 2563 ได้เสนอบริการ “ttb business one” ธนาคารดิจิทัลในรูปแบบของอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เข้ามาเป็นผู้ช่วยทางการเงิน เสริมความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าธุรกิจทุกกลุ่มให้สามารถจัดการทุกเรื่องทางการเงินได้ครบจบในที่เดียว

การเปิดบริการ “ttb business one” อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สะท้อนได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการนี้มากขึ้น ทำรายการถี่ขึ้น และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ประกอบการ SME ที่หันมาใช้ช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น 60% ขณะที่ลูกค้าธุรกิจทั้งหมดมีจำนวนรายการที่ทำผ่านช่องทางดิจิทัล เพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่าตัว ขณะที่สัดส่วนการทำธุรกรรมของลูกค้าธุรกิจ เปลี่ยนมาเป็นดิจิทัล 80% และใช้บริการผ่านสาขาเหลือ 20% จากเดิมที่ใช้ดิจิทัล 40% สาขา 60%

อีกหนึ่งความสำเร็จของ ttb business one คือ การได้รับรางวัล Best Digital Transformation Implementation in Thailand จากเวที The Asian Banker Thailand Awards 2021 ที่ตอกย้ำถึงแนวทางพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีเป้าหมายและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจได้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าธุรกิจ เราได้มีการต่อยอดพัฒนา “ttb business one” ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ มาอยู่ในรูปแบบโมบายแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นอาวุธสำคัญ และเป็นตัวช่วยทางการเงินให้กับธุรกิจ SME มีความสะดวก คล่องตัว มากยิ่งขึ้น

รัชกร เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนามาสู่ โมบายแอปพลิเคชันครั้งนี้ มาจาก “การรับฟังลูกค้า” ปัญหาที่ลูกค้าเจอ เพื่อพยายามหาแนวทางแก้ไขให้ตรงจุด หลังจากนั้นเราใช้หลักการเหมือนการ “สร้างบ้านใหม่” นั่นคือคิดใหม่ ทำใหม่ เพราะทุกอย่างเกิดดิจิทัล ดิสรัปชั่นไปหมดแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารต้องทำคือ ทำให้ได้มากกว่า “แค่ซื้อขายรับจ่าย” แต่ต้องสร้าง Ecosystem ขึ้นมาให้ระบบสามารถเชื่อมต่อกันได้ และพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด เหล่านี้คือ มุมคิด ในการยกระดับสู่ ttb business one โมบายแอปพลิเคชัน

สำหรับปัญหาที่ลูกค้า SME เจอ หลักๆ มีอยู่ 4 อย่าง ดังนี้ 

1. เมื่อทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งจำนวนหลายประเภทธุรกรรม ต้องเข้าหลายระบบ หลายคลิก ซับซ้อน 
2. ไม่รู้ว่าเงินโอนรับเข้ามา มาจากคู่ค้ารายใด 
3. ไม่รู้วิธีจ่าย หรือโอนเงินว่าแบบไหนเร็วที่สุด ประหยัดที่สุด 
4. โอนจ่ายโดยไม่รู้ว่าได้สำรองเงินไว้เพียงพอหรือไม่

ทีเอ็มบีธนชาต จึงนำมุมมองปัญหาทั้งหมดนี้ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า SME สู่ “ttb business one” โมบายแอปพลิเคชัน ที่มาพร้อมกับ 7 ฟีเจอร์หลักสุดล้ำ เพื่อทำให้การทำธุรกรรมของลูกค้าง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งตอบโจทย์ 4 ด้านหลัก นั่นคือ

• หนึ่ง ช่วยให้ SME สามารถควบคุมทุกเรื่องธุรกิจได้จากมือถือ 
• สอง ได้รับประสบการณ์เดียวกันจากทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะแท็บเล็ต หรือมือถือ ก็เห็นทุกอย่างในโปรไฟล์เดียวกัน
• สาม ทำได้ทุกธุรกรรมจากแอปพลิเคชันเดียว ไม่ต้องเข้าหลายแอปพลิเคชัน ไม่ต้องจำ user name และ password หลายชุด ทั้งการโอนเงินในประเทศ โอนต่างประเทศ เรียกดูเงิน OD ก็ทำได้จบในแอปพลิเคชันเดียว และสุดท้าย ใช้งานง่าย สะดวก พร้อมระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล

ttb business one โมบายแอปพลิเคชัน ยังช่วย SME ลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินได้อีกด้วย โดยจากการสำรวจการทำธุรกรรมทางการเงินของ SME พบว่า โดยปกติต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทางการเงินสูงถึงปีละ 7 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท

แต่การทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน ttb business one ควบคู่กับการใช้บัญชีธุรกิจ ttb sme one bank ซึ่งเป็นบัญชีสำหรับ SME โดยเฉพาะ จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายธุรกรรมเลย และไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่เสียค่าธรรมเนียมรายปีแบบเหมาจ่ายเพียงปีละ 500 บาทเท่านั้น นั่นเพราะธนาคารต้องการสนับสนุนให้ SME มาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การบริหารธุรกิจมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น

 “เรามองว่า ttb business one โมบายแอปพลิเคชัน จะเป็นเครื่องมือใหม่ หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยระดับมืออาชีพ ในการช่วยลูกค้าทรานฟอร์มธุรกิจ ทำให้บริหารการเงินคล่องตัวมากขึ้น ดังนั้น น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ผลักดันให้ SME หันมาใช้ดิจิทัลมากขึ้น”

รัชกร มองว่า สิ่งที่จะมีการพัฒนาต่อยอดจาก ttb business one โมบายแอปพลิเคชัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นต่อไปคือ การเข้าไปสร้าง Ecosystem ให้ธุรกิจ เช่น ช่วยลูกค้า SME ในการบริหารด้านต่างๆ เพิ่มช่องทางการชำระเงินให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงบริการด้าน HR ให้กับธุรกิจ เช่น สามารถใช้แอปพลิเคชันให้พนักงานสแกนคิวอาร์โค้ด ในการเข้า-ออกงานได้ เหล่านี้ คือ แบงก์กิ้งโซลูชันที่อยากจะทำเพิ่มขึ้น ซึ่งเราหวังจะให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ลูกค้าธุรกิจเข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการได้รอบด้าน

สำหรับกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจนั้น ทีเอ็มบีธนชาตยังคงเน้นในเรื่องของซัพพลายเชนโซลูชัน ที่ทางธนาคารมีความเชี่ยวชาญ เราคิดเสมอว่า การที่ลูกค้าจะเติบโตได้คู่ค้าต้องเติบโตไปได้ด้วยกัน เป็นลักษณะของห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่มีอยู่จำนวนมาก โดยจะสร้างเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล สำหรับใช้ใน Ecosystem ของซัพพลายเชน เพื่อให้ลูกค้า คู่ค้าทั้งระบบ สามารถรับจ่ายเงินค่าสินค้า บริการ รวมไปถึงขอสินเชื่อจากธนาคารได้สะดวก และครบวงจรมากขึ้น

“ด้วยดิจิทัลโซลูชันที่ธนาคารพัฒนาขึ้นจากมุมมอง จากพฤติกรรมของลูกค้าจริงๆ จะทำให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการหลักของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และทีเอ็มบีธนชาตก็จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ เมื่อมีโมบายแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME ออกมาแล้ว ในปีหน้าธนาคารพร้อมจะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ต่อเนื่องออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน”

สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สนใจใช้บริการ ttb business one โมบายแอปพลิเคชัน สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ ทีทีบี บิสสิเนสวัน | ทีเอ็มบีธนชาต (ttbbank.com) หรือ ศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี 02-643-7000 ในวันทำการธนาคาร วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 08.00 – 20.00 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคาร)