ศึกชิงเจ้าตลาดน้ำมัน เทียบสิทธิพิเศษ “Blue Card- Max Card”
การให้บริการธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกประเทศเปิดให้มีการแข่งขันสูงอย่างเสรี เพื่อให้ "ประชาชน" เป็นผู้เลือกมากขึ้น ไม่เกิดการผูกขาดตลาด แม้กระทั่ง "ผู้ให้บริการน้ำมัน"
วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” จะพาไปส่องกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการตลาดเพื่อเอาใจลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการปั๊มน้ำมันที่เป็นมากกว่าการแวะมาเติมน้ำมันของ กลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดย บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG
ทั้งนี้ OR ได้เปิดบริการให้กับสมาชิกผู้ถือ บัตร พีทีที บูลการ์ด “PTT Blue Card” ผ่านสถานีบริการน้ำมัน “PTT Station” กว่า 2,367 สาขา โดยปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตร PTT Blue Card ประมาณ 7 ล้านสมาชิก ถือว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นจากข้อมูลปี 2559 ที่มีสมาชิกประมาณ 1.9 ล้านสมาชิก
ในขณะที่ PT ถือเป็นผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน “PT Station” กว่า 2,200 สาขา มีสมาชิกผู้ถือบัตร พีที แมกซ์ การ์ด “PT Max Card” กว่า 16 ล้านสมาชิกภายในและตั้งเป้าว่าในปี 2569 หรืออีก 5 ปีจะมีมากกว่า 30 ล้านสมาชิก
โดยสิ่งที่ผู้ให้บริการน้ำมันค่ายใหญ่ทั้ง 2 ออกบริการจูงใจให้สมาชิกผู้ถือบัตรได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เมื่อเข้ามาใช้บริการนอกจากจะเป็นแรงจูงใจที่ดีแล้ว ยังถือเป็นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคไปในตัวด้วย เพราะหากผู้ให้บริการในปัจจุบัน จะเปิดเพียงแค่ “ปั๊มน้ำมัน” อย่างเดียวคงไม่พอ
เพราะราคาน้ำมันแต่ละปั๊มจะต้องปรับให้มีราคาเท่าเทียมกัน ซึ่งนอกจากสาขาที่ครอบคลุมแล้ว สิ่งที่ดึงดูดใจผู้ให้บริการได้ดีก็คือ “สิทธิพิเศษ” ที่จูงใจผู้ใช้บริการ ผ่าน “บัตรสะสมแต้ม” โดยเฉพาะ “ลด แลก แจก แถม”
ทั้งนี้ บัตรสะสมแต้มถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการเข้าใจการบริโภคของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อสร้างยอดจำหน่ายสินค้าทั้งน้ำมันและบริการอื่นๆ ที่เติบโตผ่านตัวสถานี ผนวกกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเชื่อมโยงธนาคารต่างๆ ให้ได้ใช้จ่ายง่ายเพียงบัตรเดียว ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
“เราจึงจะเห็นว่า ปัจจุบันลูกค้าอาจจะไม่ต้องพกบัตรอะไรมากมาย เพียงแค่พกโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวก็สามารถใช้บริการได้ รวมไปถึงการทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรร้านค้าต่างๆ สร้างทางเลือกที่ตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายมากขึ้น”
และสิ่งที่ทั้ง OR และ PT เลือกมาเสิร์ฟลูกค้าในปั๊มน้ำมันและถูกใจใครหลายๆ คน เมื่อแวะเข้ามาแล้วจะต้องสั่งคือ “ร้านกาแฟอเมซอน” โดย OR ส่วน PT จะเปิดให้บริการจะเป็น “กาแฟพันธุ์ไทย” เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อลูกค้าใช้จ่ายผ่าน แอป “Blue CONNECT” ที่ร้านในเครือOR รับเงินคืนเข้าแอปทันทีสูงสุด 50 บาท อาทิ Café Amazon, Pearly Tea ช้อป 80 บาท รับเงินคืน 15 บาท, Texas Chicken, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ, Jiffy ช้อป 120 บาท รับเงินคืน 25 บาท, FIT Auto ใช้จ่าย 500 บาท รับเงินคืน 50 บาท เป็นต้น
ส่วนสมาชิก PT Max Card เข้าแอป "PT Max Rewards" ใช้บริการ “เงินทันเด้อ” ยื่นสมัครสินเชื่อตั้งหลักผ่านแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ได้ทันทีจาก บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus)
โดยสมาชิก PT Max Card จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% ต่อเดือน (เท่ากับ 30% ต่อปี) ผ่อนสบายนาน 12 เดือน และรับแต้มพิเศษ 150 แต้ม เมื่อสมาชิก PT Max Card มีการทำสัญญาสินเชื่อตั้งหลักกับแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ เป็นต้น
เมื่อผู้ให้บริการทราบพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น จะเห็นว่าทั้ง 2 ค่าย มักจะผนึกพันธมิตรต่างๆ มากมาย ที่ครอบคลุมทั้งของกิน ของใช้ การพักผ่อน เพื่อให้ผู้ถือบัตรได้รับบริการให้สอดคล้องกับความต้องการได้ตรงจุด
ซึ่งวันนี้ นำเสนอเพียงแค่ 2 ค่ายใหญ่ก่อน ยังไม่รวมถึงสถานีบริการอีก 3 รายหลัก ซึ่งก็ทำให้เห็นแล้วว่า การช่วงชิงตลาดบริการน้ำมันไม่ใช่แค่เพียงเปิดปั๊มให้ครอบคลุมอย่างเดียวแล้ว การส่ง “บัตรสะสมแต้ม” เพื่อแข่งกันนำเสนอบริการ “ลด-แลก-แจก-แถม” ถือเป็นอีก 1 บริการที่เรียกผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จะเห็นว่าทั้ง 2 ค่ายมักจะผนึกกำลังกับพันธมิตรที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์อีกมากมาย มาอัพเดทสิทธิพิเศษของทั้ง 2 ผู้ให้บริการน้ำมันกันว่าจะครอบคลุมบริการมากน้อยแค่ไหน สำหรับผู้ถือบัตร PTT Blue Card คลิก https://www.pttbluecard.com/th ส่วนผู้ถือบัตร PT Max Card คลิก https://www.ptmaxcard.com/