ยุคโควิดสวยต้องมาคู่สุขภาพ โรจูคิสฯ ตีโจทย์เจาะตลาดขึ้นท็อป3
ตลาดสินค้าสุขภาพและความงาม มูลค่าแสนล้านบาท ทั้งกลุ่มดูแลผิวหน้า 17,350 ล้านบาท ครื่องสำอาง 4,340 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 33,000 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 9,900 ล้านบาท ขุมทรัพย์ใหญ่ โรจูคิสฯ งัดอาวุธ ชิงเค้ก สานเป้าหมายรั้งท็อป 3
ทว่า 2 ปีที่วิกฤติโควิด-19 ระบาด กระทบตลาดทุกหมวดให้อยู่ในภาวะ “ติดลบ” แต่มากน้อยแตกต่างกันไป เช่น กลุ่มสีสัน(Make up) หดตัว 30% สกินแคร์หดตัว 2 หลักฯ แต่ในระยะยาวหากสถานการณ์ไวรัสร้ายคลี่คลาย ทิศทางตลาดสินค้าสุขภาพและความงามจะเติบโตอีกครั้ง โดย “โรจูคิส” หยิบรายงานจากยูโรมอนิเตอร์ มาสะท้อนแนวโน้มในปี 2568 มูลค่าตลาดจะแตะระดับ 1.66 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7.1% ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอย่างมาก
ธนายุส ลีรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หนึ่งในผู้เล่นสำคัญของตลาดสินค้าสุขภาพและความงาม ซึ่งปี 2564 บริษัทมีการเปลี่นแปลงมากมาย นอกจากจัดทัพเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังเดินหน้าผนึกพันธมิตรอย่างบริษัทในเครือ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ออกสินค้าใหม่มากมายเพื่อชิงเค้กก้อนโต
ย้อนไป 14 ปี โรจูคิส ถือเป็นแบรนด์สินค้าจากเกาหลีใต้รายแรกๆที่บุกตลาดสินค้าความงามในไทย บุกเบิกผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว ชูคุณสมบัติกระชับขุมขน ท่ามกลางตลาดเน้นความกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย เรียกว่าเป็นผู้มาก่อนกาล หรือผู้กำหนดเทรนด์ได้อย่างดี
ปัจจุบันกระแสเกาหลีหรือ K-Pop ยังทรงอิทธิพล แต่หนักไปทางอาหาร เพลง ซีรี่ส์ ส่วนสินค้าความงามอาจแผ่วลงบ้าง แต่จุดแข็งด้านสินค้านวัตกรรมของโรจูคิส ที่ต้นทางเกาหลีใต้ มีการแบ่งปันนวัตกรรม(Sharing Economy) ทำให้ต้นทุนอยู่ในระดับเหมาะสม และแบรนด์จากแดนโสมยังแข่งได้
การทำตลาดมายาวนาน “โรจูคิส” ถือมีได้ใจและมีฐานผู้บริโภคไม่น้อย จนทำให้กลายเป็น 1 ใน 5 ผู้เล่นหลักในตลาดสินค้าความงามและสุขภาพ ทว่า เป้าหมายถัดไป ธนายุส เล่าว่าบริษัทต้องการขยับเป็นท็อป 3 ของตลาดภายใน 2 ปีข้างหน้า นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
ภารกิจมีไว้พิชิตเป้าหมาย และอาวุธการตลาดที่จะสานเป้า คือการเดินหน้าออกสินค้าใหม่ โดยหลังโรคโควิด-19 ระบาด พฤติกรรมผู้บริโภครูปแบบใหม(New Normal)ที่ปรากฏคือ “สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องมาพร้อมสุขภาพด้วย” ทำให้แบรนด์ต้องตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังเงินในกระเป๋าที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคมองหาสินค้าจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ สะดวกซื้อ สะดวกจ่าย คือราคาเหมาะสมกำลังอำนาจเงินที่มี และเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว สินค้าที่ใช้จะต้องไม่ซับซ้อนด้วย เช่น ต้องใช้ 1-10 ขั้นตอน ไม่ใช่คำตอบ เพราะผู้บริโภคต้องการความมินิมอล ง่ายๆ
“ผู้บริโภคมีเงินน้อยลง จะเลือกใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ใช้ง่าย การใช้สินค้า 10 ขั้นตอน จะตกเทรนด์”
อ่านเทรนด์ออก ตลาดเมกอัพหดตัว การพลิกเกมกลยุทธ์สำคัญ ซึ่ง ธนายุส ได้โฟกัสออกสินค้าใหม่ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลใบหน้า เช่น มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมเทอร์ปีน 10-15 รายการ(SKUs) ช่วงโค้งสุดท้ายปี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์กลุ่มสีสัน(Make up)จะมีส่วนผสมซีบีดีของกัญชากัญชง เป็นต้น
การลุยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารซีบีดี เพราะคาดการณ์ขนาดตลาดใหญ่ หากพิจารณาตลาดโลกมูลค่า 27,000 ล้านดอลลาร์ แต่ในไทยหากผู้ประกอบการตบเท้าทำตลาดจะเห็นขนาดใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่า “หมื่นล้านบาท” นั่นเอง
นอกจากนี้ ยังลุยผลิตภัณฑ์ทำสีผม ตอบโจทย์ผู้บริโภคปัจจุบันที่เครียด ทำให้ “ผมหงอก” เร็วขึ้น แต่โรคระบาดไม่เอื้อให้เข้าร้านเสริมสวย และผู้บริโภคต้องการความสะดวก “โรจูคิส” แชมพูเซรั่มเกาหลีเปลี่ยนสีผมจึงขอเป็นทางเลือก ซึ่งจำหน่ายกว่า 6 เดือน โกยยอดกว่า 7 แสนซอง เป็นต้น
“เรายังคงโฟกัสแบรนด์หลักของเรา คือโรจูคิส โดยมีสินค้าเรือธงอย่างเซรั่ม สกินแคร์ มาส์ก ต่อยอดการเติบโต”
ตลาดไทยต้องชนะ! คู่แข่งขึ้นโพเดียม 1 ใน 3 ผู้นำตลาด แต่ต่างประเทศต้องเปิดประตูการค้า ซึ่งบริษัทส่งสินค้าทั้งกลุ่มสกินแคร์ เมกอัพ ฯ เข้าตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมาย โดยประเทศหลักที่ไปได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาวและกัมพูชาด้วย หวังให้มีสัดส่วนรายได้ 30% จากปัจจุบันไทยเป็นฐานทัพทำเงิน 89%
อย่างไรก็ตาม โควิดกระทบตลาดสินค้าความงาม เป้าหมายใหญ่ของบริษัทคือการทำรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท ใน 5 ปี แต่วิกฤติอาจทำให้ความสำเร็จช้ากว่าคาดการณ์ ขณะที่การบุกตลาดปีนี้ต่อเนื่องปี 2565 บริษัท คาดการณ์รายได้และกำไรจะกลับไปเติบโตใกล้เคียงปี 2562 ซึ่งทำรายได้กว่า 1,100 ล้านบาท กำไรกว่า 190 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดสินค้าความงามและสุขภาพจะกลับมาขยายตัวด้วย