วงการไอบีชี้เทรนด์ปี 65 บจ.จ่อ M&A-สปินออฟลูกเข้าตลาด
“บล.เมย์แบงก์” เผยปี 65 ลูกค้าจ่อซื้อกิจการต่อเนื่อง เน้นธุรกิจเทคโนโลยี-ฟินเทค หวังต่อยอดสร้างอีโคซิสเต็มส์ธุรกิจ ฝั่ง IPO แห่สปินออฟลูกเข้าตลาดหุ้น “ไทยพาณิชย์” เผย ลูกค้าสนใจธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มองเป็นหนึ่งในช่องทางขยายกิจการ
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับเทรนด์ธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) ในปี 2565 พบว่าดีลการควบรวมกิจการ (M&A) ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2564 โดยลูกค้าส่วนใหญ่สนใจเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) รวมถึงเทคโนโลยีกลุ่มอื่นๆ ที่สามารถนำมาต่อยอดสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ให้แก่ธุรกิจเดิม สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจสตาร์ทอัพในตลาดที่ยังมองหานักลงทุนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยลูกค้าบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีแผนทำ M&A ในปี 2565 เบื้องต้นได้แก่ บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) มีแผนร่วมทุน (JV) กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อเสริม Ecosystem อย่างต่อเนื่อง ถัดมา บมจ.วีจีไอ (VGI) มีแผนร่วมทุนกับธุรกิจเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก 1 ราย ที่บริษัทเริ่มมีการเติบโต จึงมองหาพันธมิตรที่เป็นฟินเทคเข้ามาต่อ ยอดธุรกิจ
ในส่วนของ IPO ปี 2565 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้เช่นกัน โดยพบว่าเทรนด์ในปีหน้า บจ.ที่มีการระดมทุนในตลาดหุ้นอยู่แล้ว มีความต้องการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียน (Spin-off) เพิ่มขึ้น ซึ่งเทรนด์ลักษณะนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เกิดโควิด-19 โดยลูกค้าหลายรายกลับมารื้อฟื้นแผน IPO ของบริษัทลูก เพราะอยากให้บริษัทลูกออกไประดมทุนด้วยตัวเอง และเพื่ออันล็อกมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ
“ในช่วง 2 ปีมานี้ เราเห็นบจ.ตื่นตัวที่จะนำบริษัทลูกเข้าตลาดมากขึ้น บางรายวางแผนไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ก็ได้มารื้อฟื้นแผนกันช่วงนี้ โดยหลักมาจากที่ บจ.อยากให้บริษัทลูกออกไประดมทุนด้วยตัวเอง ทั้งเพื่อเตรียมพร้อมสภาพคล่องในช่วงวิกฤติและเพื่อแยกงบลงทุนในกรณีที่ธุรกิจของลูกมีความแตกต่างกับแม่ รวมถึง บจ.ภายหลังเข้าจดทะเบียนก็มีความเข้าใจกลไกของตลาดทุนมากขึ้น”
นายประเสริฐ กล่าวว่า ภาพรวมการขยับขยายธุรกิจในปี 2565 จะคึกคักกว่าปีนี้ ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรง เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยและทั่วโลกมีประสบการณ์รับมือ อีกทั้งมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์ของบริษัทในปีหน้าจะพยายามจับกลุ่มลูกค้าที่ดีลขนาด 1,000 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับเทรนด์ธุรกิจ IB ในปี 2565 ลูกค้ายังมีความต้องการขยายธุรกิจผ่านวิธีการ M&A อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งยังมองหาพันธมิตรเพื่อมาเสริมการเติบโตต่อเนื่อง โดยหมวดธุรกิจที่ลูกค้าสนใจเป็นพิเศษ คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับดิจิทัล เพราะมองเป็นโอกาสขยายแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มช่องทางการขยายธุรกิจ
สำหรับดีล IPO ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในไปป์ไลน์ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทลูกของ บจ.เตรียม Spin-off เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น เพราะลูกค้ามองเป็นผลดีทั้งต่อบริษัทแม่และบริษัทลูก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จให้เห็นค่อนข้างเยอะ ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ อาทิ การเข้าระดมทุนของ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) บริษัทลูกของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)
หากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรง เชื่อว่าภาพธุรกิจปี 2565 ยังมีโอกาสกลับมาเติบโตจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ถูกกระทบจากไวรัส ซึ่งปัจจุบันภาคธุรกิจเตรียมพร้อมแผนธุรกิจที่จะกลับมาเติบโตให้ได้เท่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ทั้งการเตรียมพร้อมด้านเงินลงทุน และการหาพันธมิตรเพื่อหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ