"สารัชถ์ รัตนาวะดี" แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 2564 รวย 1.7 แสนล้านบาท

"สารัชถ์ รัตนาวะดี" แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 2564 รวย 1.7 แสนล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยฟื้นหลังโควิดคลี่คลาย หนุนความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยปี 64 พุ่ง 3.3 แสนล้าน “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ครองหุ้นกัลฟ์ขึ้นแท่นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 3 สมัย รวย 1.7 แสนล้าน รองมาเป็น “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” มูลค่า 5.8 หมื่นล้าน และ“นิติ โอสถานุเคราะห์” มูลค่า 5.6 หมื่นล้าน

วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 28 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสูงสุด 10 อันดับแรกของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาด mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2564 

\"สารัชถ์ รัตนาวะดี\" แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 2564 รวย 1.7 แสนล้านบาท

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 173,099.73 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 57,809.73 ล้านบาท หรือ 50.14% ซึ่งสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วน 35.55% 

มูลค่าความมั่งคั่งของ สารัชถ์ เศรษฐีหุ้น 3 สมัย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีแรก โดยสารัชถ์ผู้ถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2 ความมั่งคั่ง 115,289.99 ล้านบาท และทะยานสู่ 173,099.73 ล้านบาท ในปีนี้ จากราคาหุ้นของ GULF ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560 

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 58,217.83 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 8,138.52 ล้านบาท หรือ 16.25% 
    
เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ ยังคงเป็นของ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 56,253.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,071.53 ล้านบาท หรือ 16.75% จากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นที่อยู่ในพอร์ตลงทุนที่มีชื่อนิติเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกในปีนี้ 
  

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้น EA ที่ถือครองในสัดส่วน 23.21% มูลค่า 53,026.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,613.93 ล้านบาท หรือ 54.09% 


เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 และ 6 ได้แก่ 2 เจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 จากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTC ในสัดส่วน 33.96% มูลค่า 41,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,480 ล้านบาท หรือ 18.27% ส่วน ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ขึ้นจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 6 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 41,631.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,354.06 ล้านบาท หรือ 18.01% 


เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA หล่นมาอยู่อันดับ 7 จากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 35,100.85 ล้านบาท ลดลง 6,112.30 ล้านบาท หรือ 14.83% 


เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ปีนี้ ตกเป็นของ ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่ม บริษัท บี.กริม กลุ่มธุรกิจสัญชาติเยอรมันยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าแห่งธุรกิจพลังงาน, โรงไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องปรับอากาศ, คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ โดยขยับขึ้นจากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว จากการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 26,028.87 ล้านบาท ลดลง 770.38 ล้านบาท หรือ 2.87% 


เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ก้าวเข้ามาติดทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทย โดยขึ้นมาอยู่อันดับ 9 จากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้น CBG ในสัดส่วน 21% มูลค่า 25,200 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 630 ล้านบาท หรือ 2.56% จากราคาหุ้น CBG ที่ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง 


เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กลับเข้าสู่ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับ 10 หลังจากหล่นไปอยู่อันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นที่คีรีถือครองมีมูลค่ารวม 24,632.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,051.52 ล้านบาท หรือ 19.69% 
    

ทั้งนี้ หลังจากปัจจัยลบต่างๆ ในปีที่ผ่านมาได้คลี่คลายลง ทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดจากผลกระทบของโควิด-19 ไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตน้อยลง หลายประเทศเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 


โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่ใช้คำนวณมูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,605.68 จุด จากปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 1,237.04 จุด เพิ่มขึ้น 368.64 จุด คิดเป็น 29.80% ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2564 เพิ่มขึ้น 331,463 ล้านบาท 
อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป เพราะล่าสุดมีการพบไวรัสโควิด -19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอน (Omicron) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลว่าอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำมากกว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสในอดีต และอาจจะลดประสิทธิภาพของวัคซีนเจนเนอร์เรชั่น 1 ลง ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์ และแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบมาถึงความมั่งคั่งในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้