อาจผันผวนทั้งจากไวรัสและผลประชุมเฟด
แม้ไม่รุนแรงแต่ระบาดเร็วก็อาจก่อความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ผลการศึกษาและรายงานหลายชิ้นระบุสายพันธ์โอมิครอนรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำ
อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ถึงหากมีจำนวนผู้ติดเชื้อมาก จำนวนผู้เสียชีวิตและป่วยหนักก็อาจจะเริ่มกลับมาสร้างภาระให้กับระบบสาธารณสุขได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่ประเทศต่างๆ จะชะลอนโยบายเปิดประเทศหรือการเดินทางท่องเที่ยวเสรีไปอีกระยะ และเน้นการฟื้นตัวจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของหุ้นเปิดประเทศ และที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจมีการฟื้นตัวที่ล่าช้าออกไป รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวที่อาจชะลอลง
ตลาดเริ่มกังวลต่อผลประชุมเฟดสัปดาห์นี้ จากตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ย.ที่ 6.8% สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ประกอบกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในระดับพอสมควร ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าเฟดอาจจะลงมือช้าเกินไป (behind the curve) ในการที่จะเริ่มลดสภาพคล่องจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (tapering) ทำให้อาจจะต้องเร่งดำเนินการในระยะเวลาสั้นลงมาก ขณะเดียวกันมุมมองของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่อนข้างเร็วกว่าสัญญาณที่ตีความได้จากมุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (dot plot) ทำให้มีความเสี่ยงที่ตลาดอาจมีความผันผวนในระดับหนึ่งได้ หากสัญญาณจาก dot plot บ่งชี้ความเสี่ยงของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้นักลงทุนควรเพิ่มความระวังความผันผวนระยะสั้น แม้บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวจะยังเป็นบวกก็ตาม
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) หุ้นที่มีแรงซื้อหนาแน่นวานนี้ (7 ธ.ค.) KBANK, CPALL, KTB, SCB, AOT, MINT, KCE, HMPRO, CPN, BBL 7) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED ระวังแรงทำกำไร หลังข้อมูลบ่งชี้โอไมครอนอาจไม่รุนแรงมาก
ภาพรวมกลยุทธ์: ยังแกว่งตัว 1,608-1,625 อย่างไรก็ตามตลาดอาจผันผวนหากผลการประชุมเฟดกลางสัปดาห์บ่งชี้ถึงความเสี่ยงของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภาพรวมยังเน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่ไม่เสียเปรียบต้นทุนมากนัก //หุ้นแนะนำ: SAWAD*, TKN*, RAM*, MONO*
แนวรับ: 1,608 / แนวต้าน : 1,625 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
อังกฤษพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโอมิครอน – อังกฤษพบผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 1 คน จากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน และยังมีผู้ที่มีอาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกหลายคน
ศบค.เห็นชอบปรับพื้นที่ระบาดโควิด-19 - ศบค.ประกาศปรับโซนสีพื้นที่ใหม่ ยกเลิก 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดงขยับเพิ่ม พื้นที่ควบคุมสีส้มเป็น 39 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูงเป็น 30 จังหวัด มีผล 16 ธ.ค.เป็นต้นไป
พีดีพีใหม่ - เปิดแผนพีดีพีฉบับใหม่ เคาะเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน รอผลสรุปเพิ่มพลังงานน้ำ-ลม-ขยะ และปรับลดไฟฟ้าจากก๊าซ-โซลาร์และชีวมวล-ชีวภาพ
คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 – หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะถูกนำเข้า/ถอดออก จากการคำนวณดัชนี SET50/SET100 ในช่วง 1H65 ได้แก่ SET50: IN (+) TIDLOR, BANPU, KEX // OUT (-) DELTA, BJC, STA และ SET100: IN (+) TIDLOR, KEX, STARK, BPP, EPG, TIPH, DCC // (-) TKN, ICHI, AAV, SINGER, DELTA, JAS, NRF
B เพิ่มทุน – โดยเป็นการเพิ่มทุนแบบ RO ที่ 1.50:1 ราคาหุ้นละ 0.68 บาท และแจกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ 2:1 ราคาใช้สิทธิ์ 0.99 บาท
ประเด็นติดตาม: - 14-15 ธ.ค. – FOMC meeting/ 16-17 ธ.ค. – ตลท.ประกาศปรับหุ้นในSET50/SET100 / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)