ศุภาลัยรุก“บ้านหรู”หนีตลาดล่างซึมลุยคอนโดให้เช่าบุกตจว.ตปท.เพิ่มรายได้
ภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในสภาวะรอการฟื้นตัว กำลังซื้อถดถอยกระทบบ้านและคอนโดระดับล่างส่งผลให้ตัวเลขปฏิเสธสินเชื่อพุ่งกว่า50% สวนทางกับบ้านราคาแพงทำให้"ศุภาลัย"โดดเข้ามาร่วงชิงแชร์พร้อมเปิดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สุขุมวิท39 บุกตลาดตจว. ตปท.สร้างรายได้
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มองว่า อสังหาฯ ปี 2565 น่าจะดีกว่าปีนี้ เนื่องจากการเปิดประเทศ สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ยิ่งเมื่อมีการผ่อนปรนมาตรการแอลทีวีชั่วคราว รัฐบาลส่งเสริมให้คนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯเทียบเท่ากับส่งเสริมการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างถาวร เสมือนกับเป็นการส่งเสริมการลงทุน โดยชวนคนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในเมืองไทย แต่ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวต้องใช้เวลา !!
ที่สำคัญฐานตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-2 ล้านบาทอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 25-35 ปีประสบปัญหากู้ไม่ผ่านเพราะหนี้เยอะ ทำให้คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะที่ยังไม่แต่งงานหันมาเช่าแทนซื้อ เพราะส่วนหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่
ดังนั้นปีหน้าศุภาลัย จึงหันมาขยายตลาดคอนโดให้เช่าเป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากโครงการศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของคนต่างชาติและคนไทย พร้อมทั้งกระจายไปยังต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ พัทยา
“อนาคตหากมีจำนวนเยอะ อาจตั้งเป็นบริษัทเข้ามาบริหาร หรืออาจนำเข้ากองรีท ที่รับซื้อปล่อยเช่า ต้องรอดูก่อนว่าจะมีจำนวนมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เพราะในระยะยาว 5-10ปีราคาขึ้นตามเงินเฟ้อตามราคาต้นทุนค่าก่อสร้าง ”
พร้อมกันนี้ได้ขยับมารุกตลาดบ้านราคาแพงมากขึ้น จากเดิมทำบ้าน 2 ชั้น ขยับขึ้นไปทำบ้าน 3 ชั้น เพราะที่ดินราคาสูงขึ้น ล่าสุดเปิดตัวโครงการเอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 พุทธมณฑล สาย 3 มีพื้นที่โครงการ 34 ไร่ พื้นที่บ้าน 100 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 20-30 ล้านบาท และมีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟท์รองรับผู้สูงอายุ
และโครงการศุภาลัย พรีมา วิลล่า พหลโยธิน 50 จากก่อนหน้านี้เคยทำศุภาลัย เอสเซ้นส์ ในย่านลาดพร้าว และย่านสวนหลวง แต่ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่เท่าโครงการเอเลแกนซ์ ที่ออกมาสร้างจุดขายในเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบขนาดพื้นที่ของคู่แข่งในตลาด ถือเป็นความพยายามในการเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดบ้านหรูศุภาลัย
ประทีป ระบุว่า เพื่อรองรับผู้บริโภคยุคเน็กซ์นอร์มอล ศุภาลัยจะพัฒนาโครงการบ้านตากอากาศสไตล์รีสอร์ทมากขึ้น อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี มีโครงการ ศุภาลัยริเวอร์ วิลล์ อยู่ริมแม่น้ำ จ.เชียงใหม่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่เป็นบ้านริมภูเขาแถวแม่ริม หรือที่ภูเก็ตจะมีศุภาลัย เลค วิลล์ ด้วยการดีไซน์บ้านชานเมืองและบ้านตากอากาศไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับวิถีการใช้ชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป
โดยพัฒนาฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์การใช้สอยของลูกค้ายุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว พัฒนาพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยหาข้อมูลความต้องการลูกค้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อความสะดวก สะอาดและปลอดภัย โดยใช้ระบบอัตโนมัติ รวมทั้งการประหยัดพลังงาน
“ที่ผ่านมาศุภาลัย รุกตลาดต่างจังหวัดมากที่สุด ปัจจุบันมีกว่า 20 จังหวัด และจะเพิ่มเป็น 30 จังหวัดภายใน 3 ปี และสัดส่วนรายได้จาก 30% ของรายได้รวม จะขยับขึ้นเป็น 40% โดยจะกระจายไปในจังหวัดที่เป็นเมืองรองมากขึ้น เนื่องจากเมืองหลักได้ขยายออกไปครอบคลุมแล้ว"
ทั้งนี้สำหรับเมืองรองต้องมีศักยภาพพอ โดยดูจากจีดีพีของจังหวัด รายได้ต่อหัว รายได้ต่อครอบครัว จำนวนรถยนต์ จำนวนสินเชื่อเงินฝาก สถานบิน ศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย เป็นต้น
สำหรับ 10 เมืองรอง ที่่ซื้อที่ดินไว้แล้ว อาทิ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา ลำพูน นครศรีธรรมราช ทุ่งสง จันทบุรี เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล ขนาดที่ดินว่าจะเป็นโครงการเดียวหรือหลายโครงการรวมกัน และจะเป็นการลงทุนเองไม่ร่วมทุนกับใคร
ปัจจุบันศุภาลัยมีที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการได้อีก 3 ปี ส่วนยอดขายคาดว่าจะเติบโตได้ 10% ต่อปี
ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทลงทุนในออสเตรเลียมากที่สุด โดยมีโครงการร่วมทุน 12 โครงการ ใน 4 เมือง ได้แก่เมลเบิร์น บริสเบน เพิร์ท จีลอง มูลค่าหลักหมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังขยายไปประเทศฟิลิปปินส์ โดยซื้อตึกมาให้เช่าก่อนจะขายไปแล้ว และกำลังหาที่ลงทุนใหม่ ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ มาเลเซียและ เวียดนาม บริษัทเข้าไปถือหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน
“ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศยังไม่ถึง 10% เดิมนโยบายบริษัทลงทุนต่างประเทศกำหนดไว้ไม่เกิน 10% ของสินทรัพย์รวม แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาทางบอร์ด ขยับเพดานการลงทุนสูงขึ้นเป็น15%ของสินทรัพย์รวม” ประทีปกล่าว