ก.อุตฯ มอบของขวัญปีใหม่ ขายสินค้าราคาโรงงาน พร้อมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2%
กระทรวงอุตสาหกรรมมอบของขวัญให้ประชาชนและผู้ประกอบการปี 2565 เตรียมจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาโรงงานและงานจำหน่ายสินค้ารถยนต์ราคาถูกในพื้นที่ต่างจังหวัด ระดมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 32,030 ล้านบาท ช่วย SME ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องรักษาการจ้างงาน
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงจัดทำแผนงานโครงการมอบเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยทุกคน กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้จัดของขวัญปีใหม่ 2565 เพื่อมอบให้ประชาชนและผู้ประกอบการ 4 ด้าน ได้แก่ อำนวยความสะดวกและลดต้นทุนผู้ประกอบการ เสริมสะภาพคล่องทางธุรกิจ ยกระดับผู้ประกอบการ ดูแลเกษตรกรและประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
จัดมหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาโรงงาน โดยคัดสรรสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยลดค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยมีทั้งสินค้าจากศรีไทยซุปเปอร์แวร์ สินค้าจากผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรีผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสินค้า SMEs และโอทอป สินค้าชุมชนจากโครงการ Farm to Factory โดยจะจัดระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี
มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า DIPROM MOTOR OUTLET จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกลการเกษตรในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระให้ผู้บริโภคโดยจะจัด ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จังหวัดลำปาง
นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มูลค่า 32,030 ล้านบาท อีก 5 โครงการ จากสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กสอ. และธพว. ได้แก่
- สินเชื่อเพิ่มศักยภาพ SME สำหรับผู้ผลิตให้บริการค้าปลีกหรือค้าส่งในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG (Bio Circular Green) กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้ สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 18 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา คาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมกราคม 2565
- สินเชื่อ สร้างโอกาส เสริมสภาพคล่อง SME สำหรับผู้ผลิตให้บริการค้าปลีกหรือค้าส่ง เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุนแก่ SME ที่มีศักยภาพที่เป็นนิติบุคคลและเป็นกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้นำเงินทุนไปใช้ในการปรับปรุง ลงทุนในกิจการ ฟื้นฟู กิจการในปัจจุบัน หรือเริ่มต้นกิจการใหม่
โดยมีกรอบวงเงิน 500 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายตั้งแต่ 1 แสนบาทและสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาคาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมกราคม 2565
- สินเชื่อเพื่อฟื้นฟู SME เพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือให้กับ SME กลุ่มเดิมที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ที่มีภาระหนี้เงินต้นวงเงินกู้สินเชื่อระยะยาว (Term Loan) คงเหลืออยู่กับกองทุนได้นำเงินทุนไปใช้ในการปรับปรุง ลงทุน เงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ หรือฟื้นฟูกิจการในปัจจุบันหรือเริ่มต้นกิจการใหม่
โดยผู้รับสินเชื่อต้องเป็นลูกหนี้ในโครงการสินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ หรือโครงการฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับ SMEs หรือโครงการสินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน กรอบวงเงิน 500 ล้านบาทวงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับภาระหนี้เงินต้นคงเหลือและดอกเบี้ยคงค้างของสัญญากู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ต้องไม่เกินจากวงเงินสินเชื่อ ที่ได้รับอนุมัติเดิม ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาคาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมกราคม 2565
- สินเชื่อพิเศษดีพร้อมเปย์ (DIProm Pay) สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมีกำหนดให้ยื่นคำขอภายใน 30 เมษายน 2565 หรือจนกว่าจะครบจำนวนวงเงินโครงการ ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากมีการอนุมัติสินเชื่อเต็มวงเงินแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นแบบขั้นบันได เริ่มต้นปีแรก 3% ปีที่สอง 4% และ ปีที่สาม 5%
- สินเชื่อ SMEs Happy สำหรับลูกค้าเดิมของ ธพว. และผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปเพื่อขยายกิจการ เสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน และฟื้นฟูกิจการหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยแบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ SMEs D Plus วงเงิน 5,000 ล้านบาทดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี โครงการ SMEs D เพื่อการลงทุนวงเงิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี และโครงการ SMEs D เสริมสภาพคล่อง วงเงิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% ต่อปีวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท
โดยให้วงเงินกู้ลูกค้าเดิมของ ธพว. สูงสุด 25 ล้านบาทต่อราย ด้านลูกค้าใหม่สูงสุด 15 ล้านบาทต่อรายโดยผู้กู้จะได้รับการยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกันเมื่อยื่นกู้ในระหว่างวันที่ 3มกราคม - 31 มีนาคม 2565 โดยคาดว่าโครงการนี้จะทำให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 2,000 รายสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานกว่า 10,000 คนสนใจสามารถติดต่อได้ที่ SME D Bank ทุกสาขาทั่วประเทศ
นอกจากของขวัญข้างต้นแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมของขวัญอีก 3 กล่อง เพื่อมอบให้แก่ผู้ประกอบการ ประชาชนและเกษตรกร ประกอบด้วย
1. การอำนวยความสะดวก ลดต้นทุนของผู้ประกอบการเปิดให้ใช้บริการงานอนุญาตของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% การยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ประกอบการ การยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักรซึ่งผู้ประกอบการจะสามารถลดค่าใช้จ่าย และมีสภาพคล่องในการประกอบการเพิ่มขึ้น รวมทั้งลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อโควิด-19
การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมได้อย่างมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อราชการ ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศกว่า 59,796 โรงงานได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี
2. ยกระดับผู้ประกอบการ ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เพื่อเป็นเกณฑ์สำหรับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยปัจจุบัน สมอ. กำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ไปแล้วจำนวน 39 มาตรฐาน
แจกต้นแบบผลิตภัณฑ์พัฒนาจากกัญชง สู่การใช้ประโยชน์เชิงอุตสาหกรรมให้เกษตรกร ผู้สนใจ หรือผู้ประกอบการสามารถรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากกัญชงกว่า 28 ผลิตภัณฑ์ ได้ฟรีเพื่อนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบมาต่อยอดเชิงธุรกิจต่อไปได้
พร้อมทั้ง บริการให้คำปรึกษาแนะนำและออกแบบรรจุภัณฑ์ ฉลาก สติกเกอร์ พร้อมทั้งจัดทำต้นแบบให้ผู้ประกอบการฟรีมอบต้นแบบเครื่องมือแพทย์ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสู่การใช้งานจริงในกลุ่มสถานพยาบาลระดับต่าง ๆ ทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน
การเตรียมความพร้อมสู่โรงงานการผลิต BCG Model เพื่อรองรับตลาด New Normal จำนวน 50 โรงงาน การเปิดคลินิคให้คำปรึกษาแนะนำด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่วิสาหกิจชุมชน เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกในสาขาแฟชั่น ของใช้ของตกแต่งบ้าน สมุนไพร และอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบริการออกแบบสเก็ตภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อการพัฒนาเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์แก่ผู้ประกอบการแบบไม่มีค่าใช้จ่าย
ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมแจกซอฟแวร์สำหรับเอสเอ็มอีไทย จำนวน 34 โปรแกรม ให้ใช้ฟรี 6 เดือน เป็นโปรแกรมด้านบัญชีการเงิน ด้านการตลาดออนไลน์ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการบริหารบุคคล ด้านการสื่อสาร และด้านบริการลูกค้าสัมพันธ์
3.ดูแลเกษตรกรและประชาชน ได้แก่ โครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชนปีที่ 5 โดยจัดกิจกรรมดูแลสุขภาพของประชาชนโดยรอบสถานประกอบการและบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
การติดตั้ง QR Code หน้าโรงงานเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานของโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ภาคประชาชน/ชุมชน เกิดความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเพิ่มช่องและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ และการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลสถานประกอบการ การแสดงคิวอาร์โค้ดคู่กับเครื่องหมายมาตรฐานที่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรฐานเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและร้องเรียนได้ว่าสินค้าดี มีคุณภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
การจัดหาเครื่องสางใบอ้อย จำนวน 288 เครื่องให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ยืมใช้ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในการตัดอ้อยสดรวมถึงช่วยลดมลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM 2.5
“ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังต้องพึงระวังเรื่องโรคระบาดอยู่ แต่ปัญหาเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการรักษาสภาพคล่องของธุรกิจยังเป็นเรื่องที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ซึ่งโครงการฯ ทั้งหมดนี้ เป็นของขวัญที่กระทรวงอุตสาหกรรมรวบรวมมาให้ประชาชนเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในปี 2565 นี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกลดภาระ และเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนและผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสินเชื่อวงเงินรวมกว่า 32,030 ล้านบาท ให้กับเอสเอ็มอีได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และช่วยรักษาการจ้างงานโดยหวังว่าทุกๆ กิจการและสถานประกอบการจะสามารถดำเนินไปได้ปกติต่อไป” นายสุริยะกล่าว