ประเทศไทย อย่าตกขบวน "อีวี"
การตั้งรับในการแก้ปัญหาฝุ่นยังไม่เพียงพอ ควรเร่งคลอดแผนปฏิบัติการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เพื่อให้มีผลตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีหน้า เราหวังว่าจะประสบความสำเร็จ เพื่อไม่ให้ไทยตกขบวนรถอีวี
เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.64) สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร รายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจวัดได้ 32-57 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 6 พื้นที่ คือ หนักสุดคือ เขตคลองสามวา ที่มีค่าเท่ากับ 57 มคก./ลบ.ม.ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กของกรุงเทพฯ ขณะที่ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศรายงานสภาพอากาศในพื้นที่กทม.และปริมณฑลคาดว่าในสัปดาห์นี้ ปริมาณฝุ่น PM2.5 จะเพิ่มขึ้นในระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค.64
ต้องยอมรับว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาคุณภาพอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็กมาต่อเนื่องหลายปี วันนี้ไม่มีใครโดยเฉพาะชาวกรุงจะไม่รู้จัก PM2.5 ที่ช่วงปลายปีจะมีปริมาณสูงจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิต ที่ผ่านมา กทม.และรัฐบาลพยายามออกมาตรการหาแนวทางการแก้ไข มีการถูกมอบหมายแก้ปัญหาแบบบูรณาการ โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงในการร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มากถึง 12 องค์กร ทั้งกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมถึงมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าการกลับมาของ PM2.5 ในปีนี้ ยังคงเป็นวัฏจักรวิกฤต
หลายฝ่ายเห็นว่า PM2.5 เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง วันนี้ ในภาวะที่ปัญหาฝุ่นพิษกลับมาเยือน ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่เท่าทันปัญหา จะมีเพียงการประชุมของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ประธานการประชุมการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยอมรับภาพรวมของประเทศค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นจนเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ คาดการณ์ว่าช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 จะมีความรุนแรงมากกว่าปีก่อน สำหรับพื้นที่ กทม.คาดว่าค่าฝุ่น PM 2.5 จะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. เป็นต้นไป
วันนี้ยังไม่เห็นการทำงานแบบบูรณาการ เจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องมีคำตอบในเรื่องนี้ อย่าให้ฤดูเลือกตั้งมาถึงแล้วหยิบยกขึ้นมาหาเสียง เหมือนกับที่ว่าผู้สมัครผู้ว่า กทม.กำลังใช้เป็นประเด็นสร้างเพื่อขอคะแนนนิยมจากคนเมือง เราเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เคยให้ความสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้แผนปฏิบัติการลดมลพิษทางอากาศ เป็นวาระแห่งชาติ ปัญหา PM2.5 จึงอย่าเป็นเพียงไฟไหม้ฟาง แก้ปัญหาตามฤดูกาลหรือเมื่อเกิดดราม่า
เรายังเห็นว่ามาตรการตั้งรับในการแก้ปัญหาฝุ่นยังไม่เพียงพอสำหรับการนำประเทศไทยไปสู่เวทีแข่งขันระดับโลก รัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายควบคู่ ควรเร่งคลอดแผนปฏิบัติการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติกำลังเตรียมการมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อประกาศใช้ นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ ในฐานะประธานฯ เตรียมเสนอ ครม.ในเดือนนี้ เพื่อให้มีผลตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีหน้า เราหวังว่าจะประสบความสำเร็จ เพื่อไม่ให้ไทยตกขบวนรถอีวี