เจาะจักรวาลการตลาดดิจิทัล ผู้บริโภคเทเวลาให้แพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่มากขึ้น
การตลาดดิจิทัลมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อแบรนด์จะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย สิ่งที่จะเสริมแกร่งให้กับการสื่อสารตลาด แคมเปญต่างๆยุคนี้ต้องผสานกับ “เทคโนโลยี-ข้อมูล” ที่เปรียบเสมือนขีปนาวุธเพิ่มพลังให้แบรนด์ ไม่ใช่มีดดาบเหมือนในอดีต
ทว่า ความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันต้องการใช้บริการด้านการตลาดแบบ “ครบวงจร” ในที่เดียวทั้งเชิงรุก เชิงรับ และเฝ้าระวัง เพื่อให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุด ปัจจัยดังกล่าว 2 ดิจิทัล เอเยนซี อย่าง “แสนรัก อินโนเวชั่น” และ “มิ้นเต็ด ดิจิทัล เอเยนซี่” จึงผสานพลังเป็นหนึ่งสู่ “บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด” ยกระดับสู่ดิจิทัล ซูเปอร์ เอเยนซี
ภูกิจ ดิศทรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด กล่าวว่า การรวมตัวกันของ 2 บริษัทถือเป็นการ “รีแบรนด์” สู่บริษัทเดียว และทำให้บริษัทมีบริการด้านการตลาดดิจิทัลที่สมบูรณ์มากขึ้น จากเดิมแต่ละฝ่ายมีจุดแข็งแตกต่างกันทั้งด้าน “ข้อมูล”หรือ Data และกาารทำมีเดีย ซึ่งสร้างรายได้หลัก “ร้อยล้านบาท” สร้างการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อเนื่องทุกปี
“ถือเป็นการซีนเนอร์ยีจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน ทำให้เรามีบริการด้านการตลาดดิจิทัลที่ครบวงจร มีเทคโนโลยี การสื่อสาร ให้บริการทั้งการตลาดเชิงรุก เชิงรับ เชิงระวัง ทั้งหมดช่วยตอกย้ำการเป็นดิจิทัล ซูเปอร์ เอเยนซี”
ปัจจุบันเรียล สมาร์ท มีลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่ครอบคลุม 33 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน สถาบันการเงิน ยานยนต์ โรงพยาบาล สุขภาพและเครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก และธุรกิจประกัน ฯ โดยปี 2565 จะให้น้ำหนักการบริการแก่ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น รองรับตลาดที่จะฟื้นตัวเติบโต รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้าที่มีอยู่ขยายการใช้บริการต่างๆของบริษัทมากขึ้น
นอกจากนี้ โร้ดแมป 3 ปี บริษัทต้องการแปลงเป็นบริษัทมหาชน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนนำไปต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อเนื่อง และสานเป้าหมายการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียน
“เรียล สมาร์ทเป็นดิจิทัลเอเยนซี บริษัทคนไทย 100% เราจึงต้องการโชว์ศักยภาพธุรกิจไทยไปสู่เวทีโลก และการเข้าตลาดจะเป็นสปริงบอร์ดผลักดันให้บริษัทก้าวสู่เป็นดิจิทัลเอเยนซีระดับภูมิภาค และขยับสู่โกลบอลต่อไป”
อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด กล่าวว่า การตลาดต้องมีบริการทั้งเชิงรุก เชิงรับ และเชิงระวัง โดยเชิงรุกคือการช่วยลูกค้าวางกลยุทธ์ การสื่อสารตลาด สร้างดิจิทัลคอนเทนท์ ยิงโฆษณาออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งบริษัทมีหน่วยแม่นปืนที่พร้อมให้บริการ ส่วนการตลาดเชิงรับ ต้องมีการวัดผลลัพธ์ของการลงทุน จึงต้องใช้ดาต้า อนาไลติกส์ วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และนำกลับไปวางกลยุทธ์ ซึ่งจุดนี้ต้องเคลื่อนตัวเร็ว มีทีมงาน แอดมินคอยตอบคำถามผู้บริโภคในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย 24 ชั่วโมง ซึ่งในตลาดส่วนใหญ่ไม่มีบริการดังกล่าว
ขณะที่เชิงระวัง เป็นการตลาดแห่งอนาคต เมื่อแบรนด์เดินไปข้างหน้า ต้องมีทีมเฝ้าระวังหลังให้ หากผู้บริโภค ติ ชม บ่น ด่า จะต้องฟังเสียงเหล่านั้นเพื่อนำกลับไปทำแผนปฏิบัติการ ต่อยอดการวิจัยและพัฒนาตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
“เมื่อแบรนด์ฟังเสียงผู้บริโภคอย่างเข้าใจ นำอินไซต์ ดาต้ากลับไปสู่การวางกลยุทธ์การตลาด ทำให้การทำงานคมกว่า เร็วกว่า และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด”
สำหรับทิศทางการตลาดดิจิทัลปี 2565 อุกฤษฎ์ ย้ำว่า แพลตฟอร์มออนไลน์จะไม่ตาย! แต่ผู้บริโภคจะใช้แพลตฟอร์มใหม่ๆมากขึ้น เช่น TikTok ที่มาแรง การทำตลาด แบรนด์จึงไม่ควรยึดติดแพลตฟอร์มเดียว ส่วนกระแสเมตาเวิร์ส (Metaverse) มาไทยแน่ แต่คาดว่าจะเห็นภาพชัดใน 2 ปีข้างหน้า แบรนด์ที่ชิมลางทำการตลาดเพราะต้องการพื้นที่สร้างภาพลักษณ์และเป็นการลงทุนระยะสั้น
“เมตาเวิร์สเป็นเทคโนโลยีที่มาก่อนกาล หากอดทนรอได้ 2 ปี จะเห็นภาพการตลาดที่ชัด ตอนนี้มีเพียงแบรนด์ใหญ่ที่จับจองพื้นที่ทำตลาด”
รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ ผู้บริหารระดับสูง-ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด กล่าวว่า ปีก่อนบริษัทเก็บข้อมูลผู้บริโภคโลกออนไลน์มีการกล่าวถึงแบรนด์ต่างๆทั้งด้านบวกและลบนับ “พันล้านข้อความ” มีสัญญาณเตือนถึง 500,000 กรณี เกิดวิกฤติให้บริษัทต้องจัดการกว่า 300 กรณี
“พฤติกรรมผู้บริโภคใช้งานสื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้มีสัญญาณเตือนถึงแบรนด์เติบโต 20-30% ขณะที่กลุ่มสินค้าที่เกิดวิกฤติ ดราม่าง่ายจะอยู่ในภาคบริการ”