ยักษ์ใหญ่ ระเบิดศึกเครื่องดื่ม ชิงฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์-วิตามินซี
อีกเวทีของ "ยักษ์ใหญ่" ประลองกำลังยกให้ตลาดเครื่องดื่ม โดยเฉพาะการชิงเค้กเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์ และวิตามินซีแบบช็อต หลังการเติบโตดี ขานรับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ โอสถสภารักษาแชมป์ กลุ่มธุรกิจทีซีพีส่ง ไฮ่! ท้าชิง วู้ดดี้ ซี+ล็อค ร่วมรบแย่งมาร์เก็ตแชร์
ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท เซ็กเมนต์ใหญ่คือได้แก่ “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่มีหมวดหมู่เบียร์มูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท สุราขาว สุราสี มูลค่าหลักแสนล้านบาท อีกเซ็กเมนต์ที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือ “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมูลค่าตลาดปี 2564 ไว้ที่ 1.97-1.99 แสนล้านบาท เติบโตเล็กน้อยเพียง 0.5-1.5%
สำหรับตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีสินค้าหลากหลายหมวด เช่น น้ำอัดลม (น้ำดำและน้ำสี) มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท น้ำดื่ม 40,000 ล้านบาท เครื่องดื่มชูกำลังราว 30,000 ล้านบาท ชาเขียวพร้อมดื่มกว่า 10,000 ล้านบาท กาแฟพร้อมดื่มราว 12,000 ล้านบาท เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (ฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์) มูลค่า 8,600 ล้านบาท (วิตามินซีมูลค่า 7,000 ล้านบาท)
ทั้งนี้ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ถือเป็นเวทีของ “ยักษ์ใหญ่” ที่มีแบรนด์ดังยึดครองตลาดอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็น ไทยเบฟเวอเรจ บุญรอดบริวเวอรี่หรือสิงห์ องค์กรร้อยปีอย่างโอสถสภา กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP) หรือกระทิงแดง ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกอย่างเนสท์เล่ รวมถึงบิ๊กน้ำดำทั้งซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ และโคคา โคล่า
ภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บางหมวดเติบโตร้อนแรง โดยเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ(ฟังก์ชันนอลดริ้งค์) ทั้งวิตามินซีแบบช็อต น้ำผสมวิตามิน(วิตามิน วอเตอร์) น้ำอัดลม และกาแฟปรุงสำเร็จรองรับการบริโภคภายในบ้าน ส่วนหมวดหดตัว มีทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ เป็นต้น
++คาราบาวแดงปรับเป้าขึ้นเบอร์ 1
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้ตลาดหัวตัวลง และยังส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดงบประมาณการทำตลาาดและประชาสัมพันธ์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย
ทั้งนี้ คาราบาว กรุ๊ปรายงานตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไตรมาส 3 หดตัวประมาณ 15% ส่งผลให้คาราบาวแดง มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 20.7% ลดลงจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 21.4%
ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทปรับเป้าหมายในการขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยด้วย เดิมจะเห็นภาพในปี 2563 ได้ขยายออกมาเป็นปี 2564 โดยส่วนแบ่งตลาดยังห่างผู้นำอย่างโอสถา ที่มีเครื่องดื่มชูกำลังในพอร์ตโฟลิโอทั้งเอ็ม-150 เอ็ม-สตอร์ม ลิโพ วิตัน-ดี ฉลามขาว และโสมอินซัม รวมส่วนแบ่งทางการตลาด 54.5%
ส่วนเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน ตั้งไว้ปี 2565 และที่ 1 ในเอเชียภายในปี 2567 เพื่อสานภารกิจการผลักดันให้คาราบาว เป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวในช่วงโควิด บริษัทให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องมีความยืดหยุ่นพลิกแพลงกระบวนท่าในการทำตลาดใหม่ๆด้วย ส่วนการลงทุนยังใช้งบประมาณ 700-800 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนเครื่องดื่มชูกำลังให้เติบโต
“วิกฤติโควิดระบาดทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล รวมถึงยืดหยุ่นพลิกแพลงกระบวนท่ามากขึ้น โดยภาพรวมเครื่องดื่มชูกำลังเราคงยังตั้งเป้าหมายไว้ในการเป็นเบอร์ 1 แต่เมื่อมีมีโรคระบาดจึงเลื่อนระยะเวลาออกไป”
ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มวิตามินซีแบบช็อตแบรนด์วู้ดดี้ ซี+ล็อค พระเอกใหม่ที่สร้างการเติบโต หลังทำตลาดเมื่อปี 2564 สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10% เป็นเบอร์ 2 รองจาก “ซี-วิท” ของค่ายโอสถสภา เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 36.2%
สำหรับแผนปี 2565 บริษัทยังมองเทรนด์การผลิตเครื่องดื่มเกี่ยวกับกัญชากัญชงเพื่อทำเข้าทำตลาดเพิ่มเติมด้วย ขณะนี้รอความชัดเจนของกฎหมายเท่านั้น
“เราอยากทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชากัญชง ซึ่งตอนนี้บริษัทเราเตรียมตัวแล้ว”
++“โอสภสภา”รักษาบัลลังก์แชมป์
โอสถสภา เผยภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไตรมาส 3 มีมูลค่า 19,500 ล้านบาท ติดลบ 16.3% เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ มูลค่า 8,500 ล้านบาท หดตัว 18.4% ขณะที่โอสถสภามีส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแข็งแกร่งที่่ 54.5% และเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ 39.8% โดยเฉพาะซี-วิท มีส่วนแบ่งตลาด 36.2% เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นางพรธิดา บุญสา ประธานฝ่ายปฏิบัติการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน) ฉายภาพว่า บริษัทจะนำจุดแข็งองค์กร 100 ปี และเป็นผู้บุกเบิกตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมสมุนไพรมาต่อยอดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ สร้างโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จะร่วมกับยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ผู้นำตลาดน้ำผสมวิตามิน ในการขยายไลน์สู่สินค้ากัญชากัญชงตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ส่วนเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเป็นพอร์ตโฟลิโอสำคัญของบริษัท ได้ขยายไลน์ตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง มีการออกสินค้าลิโพ-ไฟน์ เสิร์ฟลูกค้า ส่วนเครื่องดื่มวิตามินซีแบบช็อตแบรนด์ “ซี-วิท”ได้แตกไลน์สู่ความงามเพิ่ม มีสินค้าซี-วิท พลัสคอลลาเจน ซี-วิทพลัสไฟเบอร์
รายงานข่าวระบุว่า ตลาดเครื่องดื่มวิตามินซี ยังมีผู้ท้าชิงหน้าใหม่เข้ามาแข่งเพิ่ม เช่น บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย)" ของกลุ่มทุนไต้หวัน มีแบรนด์ “ยูนิฟ” ส่งแบรนด์ “บี-ออน” น้ำรสเลมอน สูตรวิตามินบีรวมลงตลาด แบรนด์ “วิตซ่า” ผลิตโดยบริษัท ชบาบางกอก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำผลไม้ “ชบา” ซึ่ง วิตซ่า เป็นเครื่องดื่มวิตามินซี 200% โซดา ที่ฉีกการแข่งขันด้วยการเติมความซ่าลงไป
++“ทีซีพี”ปั้น “ไฮ่!” ขึ้นท็อป 3
กลุ่มธุรกิจทีซีพี ยักษ์เครื่องดื่มชูกำลังที่มีแบรนด์ “กระทิงแดง” เป็นเบอร์ 3 ในตลาด ล่าสุด เดินหน้าชิงเค้กตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีแบบช็อต ท้าชน ”ซี-วิต” และ “วู้ดดี้ ซี-ล็อค” เช่นกัน
นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP) กล่าวว่า บริษัทต้องการผลักดันให้เครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ไฮ่! มีส่วนแบ่งทางการตลาดเติบโตก้าวกระโดด 50% เพื่อติดท็อป 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญล่าสุด ได้ผนึกแบรนด์วิตามินอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นอย่าง “ดีเอชซี”(DHC) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เครื่องดื่มวิตามินซี 200% แบรนด์ ‘ไฮ่! X DHC’ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ 18-35 ปี
นอกจากนี้ ได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพื่อลุยแคมเปญสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ ลุยแจกสินค้าตัวอย่าง 5 แสนชิ้น เดินหน้าตกแต่งร้านค้า 80,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ช่วง 3 ที่ผ่านมา ตลาดเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 10% หากย้อน 5 ตลาดเป็นดังนี้ ปี 2561 มูลค่าอยู่ที่ 7,028 ล้านบาท ปี 2562 มูลค่า 8,371 ล้านบาท เติบโต 20% ปี 2563 มูลค่า 9,100 ล้านบาท เติบโต 8% ปี 2564 8,600 ล้านบาท หดตัว 5% และแนวโน้มปี 2565 คาดมูลค่าแตะ 9,330 ล้านบาท เติบโต 9% อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องดื่มวิตามินแบบช็อตมีสัดส่วน 75% ของหมวดฟังก์ชันนอลดริ้งค์
++เจ้าพ่อคาราบาว สู้ศึกราชันย์น้ำเมา
สมรภูมิเหล้าเบียร์เป็นของค่ายใหญ่ โดย “บุญรอดบริวเวอรี่” หรือสิงห์ ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” เป็นเจ้าตลาดเบียร์ และสุรา มี “ไทยเบฟเวอเรจ” ของราชันย์น้ำเมา เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ครองบัลลังก์ และตะวันแดง 1999 ของเจ้าพ่อคาราบาวขอโดดสู่สังเวียน
เสถียร ในฐานะ ประธานกรรมการ บริษัทตะวันแดง 1999 จำกัด ยังฉายภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปี 2564 ยังมีการเติบโต แม้ว่าช่องทางจำหน่ายผับ บาร์ ร้านอาหาร สถานบันเทิง หรือออน พรีมิส จะถูกปิดตัวยาวนาน แต่ช่องทางออฟ พรีมิส ร้านค้าปลีกทั้งสมัยเก่าและใหม่ยังขายได้ เพราะผู้บริโภคซื้อไปดื่มที่บ้าน
ที่ผ่านมา บริษัทยังออกสินค้าใหม่เติมพอร์ตโฟลิโอให้แกร่งกว่าเดิม และหลากหลายแบรนด์เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า เช่น สาเก AYA, เทนโดะ วิสกี้, แทยัง โซจู, ข้าวหอมบรั่นดี และกาแลคซี วิสกี้ฯ อย่างไรก็ตาม การใช้เวลา 5-6 ปี ซุ่มทำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุกตลาดอย่างเป็นทางการปี 2560 ระยะเวลา 4 ปี สามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดก้าวแรก 10% สำเร็จตามที่ตั้งไว้
“ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เราน่าจะเกิน 10% ปีนี้น่าจะทำกำไรพันล้าน แต่ภาพรวมพอร์ตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเรายังเล็ก”