SMK เผยมีผู้สนใจเพิ่มทุน คาดสรุปชัดในไตรมาส 1/65

SMK เผยมีผู้สนใจเพิ่มทุน คาดสรุปชัดในไตรมาส 1/65

สินมั่นคงประกันภัย เผยมีผู้สนใจเพิ่มทุน อยู่ระหว่างพิจารณา คาดสรุปชัดเจนไตรมาส 1/65 รองรับผลกระทบค่าสินไหมโควิดอาจสูงกว่าคาดและแผนขยายธุรกิจในอนาคต ส่วน 9 เดือนขาดทุน3,845 ล้านบาท แต่เข้ามาตรการผ่อนปรนคปภ.ทำให้ยังมีเงินกองทุนที่ 178% ยังสูงกว่ากม.กำหนดที่ 120%

บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางฐานะการเงินให้กับบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯมีมติเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 อนุมัติให้แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินแห่งหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเพิ่มทุน เพื่อศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับการเพิ่มทุน เพื่อรองรับผลกระทบต่อผลประกอบการจากคำสินไหม COVID-19 ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องตัน
รวมทั้งรองรับแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต

บริษัทฯได้นำเสนอข้อมูลของบริษัทฯให้แก่ผู้ลงทุนที่มีความสนใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้นักลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณา บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในประมาณไตรมาส 1 พ.ศ. 2565

 

 

 

นอกจากนี้ ตามที่บริษัทฯ ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 แสดงผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2564 เท่ากับ 3,845 ล้านบาท ด้วยสาเหตุหลักจากการชดใช้สินไหมโควิดไปเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 6,567 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 คงเหลือ 3,018 ล้านบาทนั้น

 

 

 

บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงเพื่อเป็นข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ
ประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ออกประกาศผ่อนผันกฎเกณฑ์ในการกำกับบางประการให้กับบริษัทประกันภัยที่มีค่าสินไหมทดแทนCOVID-19 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่ง บริษัทฯได้รับการอนุมัติหลักเกณฑ์การขอผ่อนผันดังกล่าวจาก คปภ.เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2564 ถึง 30 มิถุนายน 2565 มาตรการผ่อนผันดังกล่าวส่งผลให้อัดราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่บริษัทฯ ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายหลังใช้มาตรการผ่อนผัน ณ 30 กันยายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 178.02 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการทำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 120