‘ยูเอชจี’พลิกเกมรุกน่านน้ำใหม่ลุยโรงแรมทำเลนอกซีบีดี -ริมน้ำเจ้าพระยา
ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ธุรกิจโรงแรมและ ออฟฟิศในเครือ “ยูเอชจี” ของ “วุฒิพล ถาวรธวัช” สวนกระแสเดินหน้าให้บริการและเปิดตัวโรงแรมแบรนด์เดอะ ควอเตอร์ต่อเนื่อง โดยในปี65 จะเปิดตัวโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาในไตรมาส2ชนโรงแรม5ดาวพร้อมขยายไปยังทำเลนอกซีบีดี
วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ ยูเอชจี ผู้พัฒนาโรงแรมและอาคารสำนักงาน กล่าวว่า จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมาทำให้มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ทำเลนอกพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ (Central Business District:CBD) เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ที่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือต้องการหาประสบการณ์ใหม่จากเที่ยวและพักในทำเลที่สะดวกสบายในการเดินทาง ผ่านรถไฟฟ้า มีศูนย์การค้า แหล่งชอปปิงรองรับไม่จำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ซีบีดีเท่านั้น
ที่สำคัญต้นทุนการลงทุนถูกกว่าในซีบีดี ใช้ระยะเวลาคืนทุนเร็วกว่าซีบีดี ยกตัวอย่าง หากพัฒนาโครงการในซีบีดีใช้ระยะเวลาคืนทุน10 ปีแต่ถ้าอยู่นอกซีบีดีใช้เวลา 8 ปี และที่สำคัญคู่แข่งน้อยกว่า เพราะในซีบีดี ซัพพลายโรงแรมมีจำนวนมากทำให้การแข่งขันสูง!!!
เป็นเหตุผลให้ “ยูเอชจี” ปรับกลยุทธ์หันมาให้ความสนใจในการขยายโรงแรมในพื้นที่นอกซีบีดี ถือเป็น “น่านน้ำใหม่” ที่จำนวนคู่แข่งน้อย และมีโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้เปิดตัวโรงแรมในซีบีดี ครอบคลุม หลายพื้นที่แล้วไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ ลาดพร้าว บาย ยูเอชจี, เดอะ ควอเตอร์ พร้อมพงษ์ บาย ยูเอชจี, โรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สีลม, โรงแรมศิริสาทร กรุงเทพ บายยูเอชจี ล่าสุดกำลังจะเปิดตัวโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ ร่วมฤดี รับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสมาสต์นี้
โดย 5 ทำเลหลักที่มีความสนใจและเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการโรงแรมนอกพื้นที่ซีบีดีของ ยูเอชจี ประกอบด้วย “รามคำแหง” เนื่องจากเป็นโซนรถไฟฟ้าสายสีส้มที่วิ่งผ่าเมืองและติดทำเลที่เป็นมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว “รัชโยธิน” จะเป็นโครงการมิกซ์ยูส ทำเล “สุขุมวิทตอนปลายย่านอ่อนนุช” ทำเล “เยาวราช” ที่รองรับนักท่องเที่ยวชอบกินดื่มและต้องการสัมผัสวัฒนธรรมคนจีน และ ทำเล “รัชดา” โซนศูนย์วัฒนธรรม
“โมเดลการทำธุรกิจเน้นการเจรจาเช่าที่ดินระยะยาว ซึ่งจะต้องอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ และจะต้องมีระยะเวลาเช่านานพอสมควร แล้วก็ลงทุนสร้างโรงแรมหรือมิกซ์ยูส พร้อมทั้งบริหารจัดการเอง เนื่องจากมีประสบการณ์และมีทีมงานมา 11 ปีแล้ว”
วุฒิพล กล่าวต่อว่า ในปีหน้ามีแผนเปิดตัวโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 1,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 6ไร่ จำนวน 250 ห้องในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นโรงแรม 4 ดาว ที่มีราคาห้องพักขึ้นต่ำ 3,500 บาท ขนาด 35 ตร.ม. ส่วนห้องขนาด 90 ตร.ม. ราคาประมาณ 7,000 บาท
นอกจากนี้ยังพัฒนาพื้นที่รองรับคู่แต่งงาน หรือ “เวดดิ้ง เดสทิเนชั่น” ที่ชนกับโรงแรม 5 ดาวในย่านนั้น เนื่องจากมองว่าเป็นการเปิดตลาดใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดกลาง เพื่อรองรับชนชั้นกลาง ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ แทนที่จะชนกลุ่มไฮเอ็นด์ที่มีอยู่ในย่านนั้น
“แนวคิดในการพัฒนาโครงการในแต่ละพื้นที่เราใช้การตลาดนำไม่ใช่ความรู้สึก โดยใช้อินไซต์มาจากจีเอ็มของโรงแรมมาเป็นคนให้ข้อมูลในการวางพัฒนา ทำให้โครงการที่ออกมานั้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งฟัก์ชั่นและดีไซน์ ในราคา (ก่อสร้าง) ที่ต่ำกว่า 50% ยกตัวอย่าง แทนที่จะปูพื้นหินอ่อน เปลี่ยนมาเป็นกระเบี้องลายหินอ่อนแทน”
วุฒิพล ประเมินว่า ตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่สามารถรองรับความต้องการลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั้งในพื้นที่ (กรุงเทพฯ) ต่างจังหวัดและต่างประเทศที่เข้ามาจึงมีความเลี่ยงน้อยกว่า!
เพราะมหานครกรุงเทพยังคงทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะศูนย์กลางทางการแพทย์ ศูนย์รวมหน่วยงานราชการ ที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้ตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังคงอยู่ได้แม้จะเผชิญภาวะวิกฤติ
โดยช่วงระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมากลุ่มยูเอชจี สามารถขยายธุรกิจโรงแรมและมิกซ์ยูสจากโครงการเดียว เป็น 13 โครงการ ภายใต้พอร์ตธุรกิจมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เฉพาะโรงแรมคาดว่าจะมีจำนวนห้องพัก 1,600 ห้อง ภายใน 10 ปีตั้งเป้าหมายมีเครือข่ายโรงแรมเปิดให้บริการรวม 30 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ห้อง