โอมิครอน ฉุดเงินสะพัดปีใหม่หาย 3-5 หมื่นล้านบาท
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้า เผย เงินสะพัดปีใหม่ 85,796,49 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 12 ปี หาย 3-5 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาด ไว้ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ชี้เกิดจากการแพร่ระบาดของโอมิครอน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ได้สำรวจประชาชนจำนวน 1,244 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 14-23 ธ.ค.2564 พบว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีเงินสะพัด 85,796,49 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 6.2% ต่ำสุดในรอบ 12 ปีนับจากปี 2554 โดยแยกเป็นเงินสะพัดในกรุงเทพฯ 35,176 ล้านบาท ต่างจังหวัดรวมกัน 50,619 ล้านบาท ซึ่งทำให้บรรยากาศปีใหม่นี้ไม่คึกคัก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะวางแผนท่องเที่ยวและสังสรรค์กัน แต่มีความกังวลแพร่ระบาดเชื้อโอไมครอน ว่าจะแพร่ระบาดมากน้อยแค่ไหน โดยปีนี้ค่าใช้จ่ายต่อสำหรับการท่องเที่ยว 5,400 บาทต่อคน ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 15 ปี
“ถือว่า ผิดคาด ซึ่งเดิมคาดว่าปีนี้น่าจะมีเงินสะพัด 1.2-1.3 แสนล้านบาท จากการคลายล็อคดาวน์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอนทำให้เงินหายไป 3-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการแพร่ระบาดของโอมิครอนมีผลต่อการตัดสินใจไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ”นายธนวรรธน์ กล่าว
สำหรับปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในปี 2565 คือ เศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การเมือง ราคาน้ำมัน และการแพร่ระบาดของโควิด โดยประชาชนได้ ประเมินการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งด้านการแพร่ระบาด เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ความขัดแย้ง ปัญหาสังคมและคอรัปชั่น ระดับ 7 เต็ม 10 คะแนน โดยการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด มาเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ ขณะที่ปัญหาด้านคอร์รัปชันได้คะแนน 5.8 ขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ กว่า 50% ระบุว่าเศรษฐกิจโดยรวมปี 2565 แย่ลง อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการคือ การขยายเวลามาตรการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกัน
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอนยังไม่ชัด แต่ก็สร้างความกังวลให้กับประชาชนว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลและคุ้มเข้ม เพราะหากมีการระบาดรุนแรงจนถึงขั้นต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ก็จะผลต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามโอมิครอนคงไม่รุนแรงจนถึงขั้นล็อคดาวน์ทั้งประเทศ ก็จะให้ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 และ3 ในปีหน้า