เอเยนซี แนะคาถาแคล้วคลาด ปี 65 ใช้ “ดาต้า” อาวุธ(ไม่)ลับเคลื่อนธุรกิจ

เอเยนซี แนะคาถาแคล้วคลาด ปี 65  ใช้ “ดาต้า” อาวุธ(ไม่)ลับเคลื่อนธุรกิจ

วิกฤติโรคโควิด-19 เป็นอีกบทเรียนสำคัญของประชากรโลก รวมถึงภาคธุรกิจในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อ “อยู่รอด” ก้าวพ้นช่วงเวลายากลำบาก ที่กินเวลาเกือบ 2 ปี เอเยนซี คลุกคลีทำงานกับลูกค้าแบรนด์ต่างๆ มีไอเดีย กลยุทธ์ครบมือ จึงมอบ "คาถา" เคลื่อนธุรกิจปี 65 ไว้เป็นยันต์แคล้วคลาด

อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาที่ยังไม่หักส่วนลด แลก แจก แถม มีมูลค่าระดับ “แสนล้านบาท” ยังอยู่ในภาวะ “ทรง-ทรุด” แยกตามประเภทสื่อ โดยมีตัวแปรสำคัญคือสินค้าและบริการมียอดขายที่ “หดตัว” จึงหั่นงบให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดเร็ว-แรง เอเยนซีชั้นนำจึงแบ่งปันสูตรสำเร็จ แนะคาถาแคล้วคลาดเคลื่อนธุรกิจการตลาดปี 2565 ประเดิมที่แม่ทัพ สร เกียรติคณารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย มอบคาถาที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ คือ เมตตามหานิยม การทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรักแบรนด์มากขึ้น พร้อมยืนหยัดเคียงข้างแบรนด์ไปตลอด ไม่ทอดทิ้งแม้ยามยาก หรือมีอุปสรรคมากมาย

ทั้งนี้ ท่ามกลางวิกฤติแบรนด์มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือสังคม ผู้คนรอบข้างให้รอดร่วมกัน ตัวอย่างแบรนด์เคเอฟซี มีการเปิดพื้นที่สื่อแพลตฟอร์มต่างๆ ให้พ่อค้าแม่ขาย “ฝากร้าน” บางโซนให้จำหน่ายสินค้าและบริการได้ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับมา ลูกค้าจะนึกถึงแบรนด์เป็นลำดับต้นๆ ขณะเดียวกันแบรนด์ที่ช่วยหรือทำกิจกรรมเพื่อสังคม ยังได้ใจคนรุ่นใหม่ และมีความจงรักภักดีมากขึ้นด้วย

“ลูกค้าจะนึกถึงแบรนด์ เพราะผ่านการร่วมทุกร่วมสุขกันมา”

 คาถาคงกระพันชาตรีคือ การทำให้แบรนด์อยู่ยั่งยืนยงได้ จะต้องรู้จักปรับตัว ต่อสู้กับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ย่อท้อ ยังมี สาลิกาลิ้นทอง หรือกลยุทธ์การเล่าเรื่อง(Storytelling) แบรนด์ต้องนำเสนอความจริง รับผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่ฉลาดมากขึ้น หากพูดไม่จริง ผู้บริโภคจับได้จะกระทบต่อความยั่งยืน คาถาช่วยให้แคล้วคลาดต้องใช้ ข้อมูล(Data)มาเป็น “ยันต์” ให้ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังเสียงผู้บริโภคโลกออนไลน์(Social Listening) ข้อมูลเรียลไทม์ ข้อมูลต่างๆ ที่เก็บไว้เพื่อให้ทราบถึงปัญหา นำมาวิเคราะห์ คาดการณ์อนาคตให้แม่นยำ และวางกลยุทธ์เจาะกลุ่มเป้าหมาย

“ดาต้าเหมือนการทำนายทายทักอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรารู้สิ่งนี้แล้วเตรียมตั้งรับให้ทันก็จะแคล้วคลาดปลอดภัย”

เอเยนซี แนะคาถาแคล้วคลาด ปี 65  ใช้ “ดาต้า” อาวุธ(ไม่)ลับเคลื่อนธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังมียันต์ 5 แถว ฝากให้ธุรกิจปรับใช้เพื่อดูแลขับเคลื่อนแบรนด์ไปข้างหน้า ได้แก่ 1.รอบ คือ การมองให้รอบด้านทั้งเศรษฐกิจโดยรวม การบริหารจัดการภายในองค์กร ห่วงโซคุณค่า บริหารสต็อกสินค้า ดูแลต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่มองแค่ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น 2.รู้ ต้องรู้สถานการณ์ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น เสพสื่อแพลตฟอร์มไหน มีความต้องการสินค้าอะไร 3.ร่วม ดึงผู้บริโภคให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์หรือ Engagement ตลอดทุกเส้นทางการซื้อสินค้า(Journey) 4.เรียนรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อเดินไปข้างหน้า และ 5.เร็ว การตัดสินใจ เคลื่อนทัพธุรกิจ แก้ปัญหาต่างๆ ยุคนี้ต้องเร็ว เป็นต้น

ชาญชัย ลีนุวงศ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท ดอท แมทเทอร์ จำกัด การสร้างความขลังให้กลยุทธ์การตลาด และธุรกิจแบรนด์จะต้องเข้าใจผู้บริโภค ตลอดจนสื่อโฆษณา เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ธุรกิจได้รับผลกระทบหนัก เท่านั้นไม่พอ ความก้าวหน้าของ “เทคโนโลยี” หลายคนมองข้อดีเกิดความสะดวกสบาย ค้าขายออนไลน์คึกคัก

ทว่า อีกมิติเกิดดิสรัปชั่นรุนแรง ตลาดเกิดคู่แข่งมหาศาล ผู้เล่นยักษ์ใหญ่มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเหนื่อย ยิ่งปรับตัวไม่ได้ยิ่งลำบาก

เอเยนซี แนะคาถาแคล้วคลาด ปี 65  ใช้ “ดาต้า” อาวุธ(ไม่)ลับเคลื่อนธุรกิจ

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน คาถาเคลื่อนธุรกิจให้รอดปี 2565 แบรนด์ต้องรู้จัก “ผู้บริโภคนิยม” อะไรบ้าง เช่น นิยมชอปปิงออนไลน์ เสพสื่อแพลตฟอร์มใด สนใจเนื้อหาโฆษณาแบบไหน แบรนด์ต้องพาสินค้าไปอยู่ตรงนั้น หากลงทุนผิดจุดจะเหนื่อย  ยุคนี้แบรนด์จะอยู่ยงคงกระพัน ต้องเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำตลาดอย่างแท้จริง โดยใช้ “ดาต้า” เป็นตัวบ่งชี้สาเหตุ เพื่อปรับตัวให้ทัน ตีโจทย์ให้แม่น ไม่ใช่ใช้แค่สัญชาตญาณแบบเถ้าแก่อีกต่อไป

“การปรับตัวไม่ทัน แบรนด์ไม่คงกระพันแน่นอน ขณะที่การทำธุรกิจยุคนี้ น่ากลัว เพราะเทคโนโลยีทำให้โลกแคบลง ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงสำคัญ ที่ผ่านมา แบรนด์เจอปัญหายอดขายสินค้าไม่ดี อย่างแรกที่ทำคือ การออกกลยุทธ์โปรโมชั่น บางครั้งไม่ใช่ทางออก การลดราคาไม่กระตุ้นยอดขาย”

ขณะที่โลกปัจจุบันเปลี่ยนเร็ว การปรับแผน กลยุทธ์ต้องมีทุกเดือน ไตรมาส ไม่ยึดแผนรายปีเหมือนใน

อดีตอีกต่อไป ยุคนี้ทำธุรกิจต้องรู้กว้างขึ้น เพื่อปรับตัวตามได้ทันการณ์ รู้ลึกอย่างเดียวไม่พอ เพราะบางแบรนด์ขายดีโด่งดังมาก ผ่านไป 3 เดือน 6 เดือน อาจหายจากตลาด

“การเข้าใจแบรนด์เราสำคัญสุด เพราะวันนี้เผชิญการแข่งขันสูง เราแข่งทุกคนบนโลกไม่ได้ และโลกวันนี้ต้องเชื่อดาต้า อย่ายึดติดสัญชาตญาณความสำเร็จเดิมๆ”

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์