BBL รุกดิจิทัลแบงกิ้ง ปีหน้าขยายโมบายแอพฯ เพิ่ม ‘เวลธ์-ประกัน
“แบงก์กรุงเทพ” จับมือ เพอร์มาตา ขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย หวังดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศโตจากปัจจุบัน 25% พร้อมยกระดับโมบายแบงกิ้งปีหน้า เพิ่มขาย“ประกัน -ลงทุน-เวลธ์” ผ่านแอพ
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนที่จะขยายธุรกิจเพิ่มในประเทศอินโดนีเซีย ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากที่ธนาคารประสบความสำเร็จเรียบร้อยในการเข้าซื้อหุ้นของธนาคารเพอร์มาตา (Permata Bank) ในอินโดนีเซีย กว่า 8.8 หมื่นล้านบาท และรวมธนาคารกรุงเทพ 3 สาขาในอินโดนีเซีย กับ ธนาคารเพอร์มาตา สำเร็จในช่วงที่ผ่านมา
ททโดยหลังจากนี้ จะเป็นช่วงที่ธนาคารพิจารณา ว่าจะสามารถทำอะไรเพิ่มเติม จากการรวมกิจการกับเพอร์มาตา โดยใช้ฐานจากเพอร์มาตาให้เป็นประโยชน์ในการขยายธุรกิจต่อไปในระยะข้างหน้า เนื่องจากเพอร์มาตา เข้าใจตลาดและมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ดังนั้นการขยายธุรกิจข้างหน้าในอินโดนีเซียอาจวิ่งได้เร็วมากขึ้น ในแง่ของการเติบโตด้านธุรกิจ
สำหรับการรวมกิจการระหว่างเพอร์มาตา ปัจจุบันเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนต่อผลประกอบการของธนาคารกรุงเทพ โดยเฉพาะในด้านสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ ที่ปัจจุบันขยายเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากก่อนหน้าที่ 17% ซึ่งถือเป็นนัยสำคัญในด้านรายได้ของธนาคาร และคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะขยายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้หากรวมสาขาของธนาคารกรุงเทพ กับธนาคารเพอร์มาตา ทำให้ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพ มีสาขาประมาณ 300 แห่ง ใน 62 เมือง ทั่วประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยที่มีเครือข่ายต่างประเทศมากที่สุดครอบคลุมเขตเศรษฐกิจทั่วโลก
นายทวีลาภ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2565 ในด้านดิจิทัลแบงกิ้ง ธนาคารจะมีการรุกช่องทางนี้ต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่า ดิจิทัลแบงกิ้งจะเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจในระยะข้างหน้า และปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลแบงกิ้งมากขึ้น
ดังนั้น การยกระดับช่องทางดิจิทัล หรือโมบายแบงกิ้ง จะเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญต่อเนื่องในปี 2565
โดยเฉพาะยกระดับโมบายแบงกิ้ง ของธนาคารจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านประกัน การลงทุน เวลธ์ ที่จะนำมาให้บริการผ่านโมบายแอพพลิเคชั่นมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าบนดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้ราวไตรมาสแรกปีหน้า
โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ยอดการใช้โมบายแบงกิ้งของธนาคารจะเพิ่มเป็น 13 ล้านคน
ท“วันนี้ช่องทางดิจิทัล เป็นช่องทางที่สำคัญ โดยเฉพาะโมบายแบงกิ้ง ที่จะกลายสภาพเป็นกึ่งสาขาไปเรื่อยๆ เหมือนเราเปิดสาขาใหม่ทุกวัน จากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นช่องทางนี้จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าการโอนเงิน จ่ายบิล แต่จะทำได้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3ปีข้างหน้า ที่จะทำหน้าที่เสริมบทบาทของสาขาได้มาก ขึ้น"
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการยกระดับการไปสู่ดิจิทัลของธนาคาร หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น เชื่อว่าขึ้นอยู่กับ การยืนยันตัวตนผ่านดิจิทัลด้วย ที่จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้คนสามารถหันมาใช้ดิจิทัลเพิ่มขึ้น
โดยล่าสุด ธนาคารก็ได้จับมือกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดบริการโมบายไอดี (Mobile ID) ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือ