"CK-ITD" 2 ตัวเต็งชิงเค้กงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนการฉีดวัคซีนในประเทศที่ทะลุ 100 ล้านโดสไปแล้ว และเป็นเข็มแรกมากกว่า 51 ล้านโดส หรือ ครอบคลุมจำนวนประชากรมากกว่า 72% เป็นอีกเกราะป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่ง

ทำให้หน่วยงานต่างๆ ประเมินว่าสถานการณ์ในครั้งนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับรอบที่ผ่านมา จึงค่อนข้างมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนได้จากบรรยากาศการค้า การลงทุนที่คึกคักขึ้น งานประมูลภาครัฐภาคเอกชนเริ่มมีออกมาให้เห็น

โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2564 มีการเปิดให้ยื่นซองประมูลบิ๊กโปรเจคส่งท้ายปี โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 

ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายหลักที่จะเชื่อมต่อการเดินทาง 3 จังหวัด คือ นนทบุรีกับกรุงเทพมหานครฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวมถึงสมุทรปราการเข้าไว้ด้วยกันมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.6 กิโลเมตร 

 

แบ่งเป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร รวม 10 สถานี และโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 10 กิโลเมตร อีก 7 สถานี ตามกำหนดการจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 และเปิดให้บริการในปี 2570

การประมูลแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 สัญญา ราคากลางรวม 7.87 หมื่นล้านบาท โดยเปิดขายเอกสารการประกวดราคาไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย.-24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้สนใจเข้าซื้อซองประมูลทั้งหมด 12 ราย เป็นบริษัทไทย 7 ราย และบริษัทต่างชาติ 5 ราย

โดยผู้เข้าประมูลต้องจัดทำเอกสารการประมูลทั้งหมด 3 ซอง แบ่งเป็น ซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ ซึ่งหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด คณะกรรมการคัดเลือกจะพิจารณา ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิค และซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคาพร้อมกัน โดยกำหนดสัดส่วนคะแนนเทคนิคไว้ 30 คะแนน และคะแนนราคาอีก 70 คะแนน

ทั้งนี้ พบว่า 5 บิ๊กรับเหมาก่อสร้างไทยพาเหรดโดดเข้าร่วมประมูลกันอย่างพร้อมเพียง ส่วนต่างชาติไม่ได้ยื่นประมูล โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1.กลุ่มกิจการร่วมค้า CKST โดยเป็นการจับมือกันระหว่าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ยื่นประมูลครบทั้ง 6 สัญญา

2.กลุ่มกิจการร่วมค้า ITD-NWR MRT ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR โดยยื่นประมูลร่วมกัน 1 สัญญา และยื่นในนาม ITD อีก 5 สัญญา

และ 3.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ที่ขอฉายเดียวยื่นประมูลเพียงรายเดียวครบทั้ง 6 สัญญา

ดูจากชื่อชั้นแล้วเรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แต่ละบริษัทมีความเชี่ยวชาญ ผ่านบิ๊กโปรเจคใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลผู้ชนะประมูลอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565

ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ผู้รับเหมารายใหญ่ ได้แก่ CK, STEC, และ ITD เป็นกลุ่มตัวเก็งในการประมูลครั้งนี้ โดย CK และ STEC เคยจัดตั้ง JV ร่วมกันในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกและรถไฟทางคู่เส้นเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่ามีโอกาสที่ทั้ง 2 บริษัทจะ JV ร่วมกันในการประมูลอีกครั้ง

ซึ่งหากเป็นดังนี้ ประเมินว่า CK และ STEC มีโอกาสจะชนะประมูลร่วมกันอย่างน้อย 2 สัญญา มูลค่ารวมราว 3 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นหากตั้งสมมติฐานสัดส่วนการถือหุ้น JV ของ CK 60% และ STEC 40% จะเป็นอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายราว 0.40 และ 0.30 บาท จาก 25 บาท และ 16 บาท ตามลำดับ

คาดว่างานก่อสร้างจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังปี 2565 และช่วยหนุนกำไรมากขึ้นในปี 2566 และเป็นอัพไซด์ต่อกำไร CK และ STEC ในปี 2566 ราว 6-7% ส่วนผู้รับเหมาฐานรากคาดเห็นความชัดเจนในการเข้ารับงาน Subcontract ฐานรากสถานีรถไฟฟ้าในปี 2566

ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า CK และ ITD ที่มีประสบการณ์งานก่อสร้างรถไฟใต้ดินมาก่อน มีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้ชนะงานใน 4 สัญญาแรก ​โดยอาจมี STEC ร่วมจับมือเป็น JV ส่วน UNIQ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ทำงานรถไฟใต้ดินมาก่อน น่าจะมุ่งหวังงานทางยกระดับเป็นหลัก

ขณะที่บริษัทรับเหมาขนาดกลางอย่าง NWR และบริษัทเสาเข็มอย่าง SEAFCO และ PYLON จะได้อานิสงส์ในฐานะผู้รับเหมาช่วง​

ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ อีกหลายโครงการ ช่วยสร้างสีสันให้กับกลุ่มรับเหมา หนึ่งในนั้นคือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รอดูว่าจะเปิดประมูลได้เมื่อไหร่ หลังเจอโรคเลื่อนมาหลายเดือน และปัจจุบันยังมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ในชั้นศาล