“กรมชลประทาน” เปิดตัวโครงการ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง”
กรมชลประทาน เปิดตัวโครงการ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง” รณรงค์คนไทยประหยัดน้ำ เตรียมพร้อมก่อนภาวะวิกฤติภัยแล้ง ชูแนวคิด “ประหยัดน้ำ=บริจาคน้ำ” ผ่านเพลงและมิวสิควิดีโอ โดย “ว่าน ธนกฤต” และ “เปาวลี พรพิมล”
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และการบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ ได้ขานรับนโยบายแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งของประเทศไทยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยการจัดทำโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้คนไทยประหยัดน้ำเพื่อชาติ นำเสนอภายใต้แนวคิด “ประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาคน้ำ” เตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดทรัพยากรน้ำ ก่อนภาวะวิกฤติภัยแล้งจะมาถึง
โดยกลุ่มเป้าหมายจะมุ่งเน้นไปที่ กลุ่มเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ผ่านเพลงและมิวสิควิดีโอเพลง Save Water หรือ เพลง ประหยัดน้ำ โดยศิลปินชั้นนำของเมืองไทย “ว่าน ธนกฤต” และ “เปาวลี พรพิมล” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในการรวมตัวเฉพาะกิจต้านภัยแล้งนำมาผสมกับดนตรีสมัยใหม่ฟังง่าย เข้าใจง่าย เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดยสามารถรับฟังผ่าน Music Streaming ทุกช่องทาง
“ผมเชื่อว่าเพลงคือ “ภาษาสากล” เราสามารถใช้บทเพลงถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีกว่าการพูด สามารถสร้างการจดจำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราได้นักร้อง นักแต่งเพลง อย่างคุณเอก Season Five มาถ่ายทอดเรื่องราวที่กรมชลประทานอยากจะบอกทุกคน อยากให้ฟังแล้ว ตระหนักถึง “ปริมาณน้ำ” และ “การใช้น้ำ” อย่างรู้คุณค่า ผลลัพธ์ส่วนบุคคลจะกลายเป็นผลลัพธ์เพื่อชาติ ประโยชน์ไม่ได้เกิดแค่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการประหยัดน้ำเราทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ”
นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำคอนเทนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของกรมชลประทาน ทั้งในรูปแบบของการรายงานสถานการณ์น้ำ รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ แนวทางในการประหยัดน้ำ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้เกิดความเข้าใจ และเกิดการแชร์ต่อในวงกว้าง
สำหรับแนวทางด้านการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 กรมชลประทาน ได้ดำเนินการตามมาตรการการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการได้แก่
มาตรการที่ 1 เร่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน เพื่อเป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้ง
มาตรการที่ 2 จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งสํารวจ ตรวจสอบ พื้นที่ที่มีศักยภาพ ที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำรองได้
มาตรการที่ 3 กําหนดการจัดสรรน้ำฤดูแล้ง รวมทั้งติดตามกํากับให้เป็นไปตามแผนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค พร้อมจัดทําทะเบียนผู้ใช้น้ำ
มาตรการที่ 4 วางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการเพาะปลูกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอันดับแรก
มาตรการที่ 5 เตรียมน้ำสํารองสําหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อสนับสนุนน้ำเตรียมแปลง
มาตรการที่ 6 เฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง และเตรียมแผนรองรับกรณีเกิดปัญหา
มาตรการที่ 7 ติดตามประเมินผล เพื่อให้ผลการดําเนินงานเป็นไปตามแผน
มาตรการที่ 8 สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำ ให้ทุกภาคส่วน เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนที่กําหนดไว้
นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดแผนจัดสรรน้ำจากโครงการชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศในช่วง ฤดูแล้งปี 2564/65 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 30 เมษายน 2565
จากปริมาณน้ำต้นทุนทั่วประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จํานวน 37,857 ล้าน ลบ.ม. วางแผนจัดสรรน้ำ จํานวน 22,280 ล้าน ลบ.ม. (สํารองน้ำต้นฤดูฝนปี 2565 รวม 15,577 ล้าน ลบ.ม.) โดยจัดลําดับความสําคัญ ตามกิจกรรม ดังนี้ การอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ การเกษตรฤดูแล้ง และอุตสาหกรรม โดยมีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จํานวน 6.41 ล้านไร่
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น และร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดน้ำ ใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่สำนักงานชลประทานในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460