หมูแพงพ่นพิษ!! บุฟเฟ่ต์ดัง ตบเท้าขึ้นราคา สาวกอ่วมรับปี 65

เรียกว่าเป็น “ข่าวร้าย” รับต้นปีสำหรับผู้บริโภค เมื่อต้องเผชิญปัญหาสินค้าราคาแพง! โดยเฉพาะของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน หนึ่งในหมวดหมู่สินค้าที่ปรับราคาแรง ต้องยกให้เนื้อสัตว์ ซึ่งสัญญาณโปรตีนแพงนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปี 2564 เนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาดที่ยาวนาน

ทั้งนี้ ราคาหมูแพงขึ้น 20-30 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ทำให้ผู้ประกอบการที่แบกภาระไม่ไหว ต้องขอปรับขึ้นราคสินค้า โดยเฉพาะร้านอาหารประเภท “บุฟเฟ่ต์” ซึ่งหลายแบรนด์ทยอยประกาศราคาใหม่กันอย่างต่อเนื่อง งานนี้สาวกต้องมีควักเงินในกระเป๋าจ่ายเพิ่มเพื่อความอิ่มอร่อยร้านโปรดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับร้านที่นำร่องขอ “ขยับราคา” ต้อนรับศักราชใหม่ ได้แก่ โม โม พาราไดซ์ ชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ประกาศผ่านหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊กตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2564 ราคาเฉลี่ย 20-30 บาท โดยให้เหตุผลว่า

“เนื่องด้วยต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนทางการดำเนินงานของร้านที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางบริษัทฯ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะควบคุมราคาการให้บริการให้อยู่ระดับเดิมมาโดยตลอด

แต่เพื่อให้คุณภาพของวัตถุดิบ การส่งมอบอาหารและการบริการยังคงเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ทางบริษัทฯ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอเรียนแจ้งปรับราคาชุด All-you-can-eat ใหม่ ราคาชุดผู้ใหญ่จากเดิมราคา 560+ บาทต่อท่าน ปรับเป็น 599+ บาทต่อท่าน (ราคายังไม่รวมค่าบริการ 10%) และราคาเด็กที่ความสูง 110 – 140 เซ็นติเมตร(ซม.) จากเดิมราคา 279+ บาทต่อท่าน ปรับเป็น 299+ บาทต่อท่าน (ราคายังไม่รวมค่าบริการ 10%) ของแบรนด์โม โม พาราไดซ์ ทุกสาขา โดยมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 นี้เป็นต้นไป”

ขณะที่ “สุกี้ตี๋น้อย” ขอแจ้งปรับราคาบุฟเฟ่ต์เพิ่ม 20 บาทต่อท่าน โดยราคาผู้ใหญ่ จาก 199+ บาท เป็น 219+ บาท ส่วนราคาเด็ก จาก 99+ บาท เป็น 109+ บาท และให้เหตุผลจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาใหม่มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา

ส่วน ยู แอนด์ ไอ พรีเมียม สุกี้ บุฟเฟ่ต์(YOU & I) ขอแจ้งปรับราคาใหม่ทุกเซ็ตเมนู ดังนี้ เซ็ท 498 บาท +7% (Net 533 บาท) เวลาการทาน 1.30 ชม. เซ็ท 698 บาท +7% (Net 747 บาท) เวลากาารทาน 1.45 ชม. เซ็ท 898 บาท +7% (Net 961 บาท) เวลาการทาน 2.00 ชม. และเซ็ท 1,398 บาท +7% (Net 1,496 บาท) เวลาการทาน 2.00 ชม. ทั้งนี้ ผลกระทบเพราะวัตถุดิบทั้งสินค้าไทยและสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับราคาใหม่จะมีผลตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ แม็กซ์ บีฟ (Maxbeef Buffet) แจ้งปรับราคาบุฟเฟ่ต์ Meat Love จากราคา 389 บาทต่อท่าน เป็น 429 บาทต่อท่าน และพรีเมียมจากราคา 699+ ต่อท่าน เป็น 729+ ต่อท่าน โดยจะเริ่มปรับราคาในวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

เรียกว่าเนื้อสัตว์ที่แพงพ่นพิษให้ร้านอาหารเหล่านี้ต้องปรับราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 20-40 บาทต่อท่าน ซึ่งการขึ้นราคาครั้งนี้ ทางร้านขอความเห็นใจจากผู้บริโภคให้เข้าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย พร้อมกันนี้บางร้านยังมีการเพิ่มเมนูใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการได้รับความคุ้มค่ามากขึ้นหลังการปรับราคาใหม่ด้วย

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ผู้บริโภคที่เป็นสาวกแต่ละแบรนด์ได้แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แตกต่างกันไป โดที่น่าสนใจ เช่น เมื่อราคาวัตถุดิบปรับลดลง ทางร้านจะยังคงราคาเดิม หรือปรับราคาลงอีกครั้ง บางคนแสดงความเห็นถึงราคาหมูที่แพง แต่เมนู “เนื้อ” มีการขึ้นราคาด้วย ซึ่งจะเกิดการแลกเปลี่ยนความเห็นผลกระทบของ “เงินเฟ้อ” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น, ลูกค้ายู แอนด์ ไอ ขอรักกันแค่เดือนมกราคม, หมูขึ้นชีวิตเปลี่ยน, ขึ้นราคาดีกว่าลดคุณภาพ, ปรับก็ยังรักที่จะไปกิน สายเนื้อ, ปรับราคาแล้วขอเพิ่มเวลา เป็นต้น

ไม่เพียงแค่เนื้อสัตว์ โปรตีนต่างๆที่ขยับราคา จนทำให้ร้านอาหารอย่างบุฟเฟต์ ต้องขึ้นราคาตาม ยังมี “เนย” ซึ่งขยับราคาขายเช่นกัน โดยบางร้านจำหน่ายเนย Orchid / Allowrie เนยแท้ 2 กก. จากราคา 700 บาท เพิ่มเป็น 830 บาท , Orchid / Alloerie 1 กก. จาก 165 บาท เพิ่มเป็น 225 บาท และOrchid / Alloerie 5 กก. จาก 785 บาท เพิ่มเป็น 945 บาท เป็นต้น ซึ่งเนยถือเป้นวัตถุดิบในการทำเบเกอรี ทำให้ผู้ประกอบการทำขนมต้องพิจารณาปรับราคาขึ้น เนื่องจากไม่สามารถตรึงราคาเดิมได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานจากกรมการค้าภายใน เปิดเผยราคาขายปลีก สินค้าอาหารสดในกรุงเทพมหานคร โดยพบว่า ราคาสุกรชำแหละเนื้อแดง (สะโพก) ณ 30 ธ.ค. 64 มีราคาที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วง ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2563 ราคาที่เพิ่มสูงขึ้น มากกว่ากิโลกรัมละ 20-30 บาท